วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อยุธยา

อาทิตย์นี้ไปทำงานที่โรจนะ ที่อยุธยามา รู้สึกว่านวนครติดสุดแล้ว โรจนะก็ว่าน่าจะหนาแน่นก็ไม่เท่าไหร่

ขาไปช่วงเช้า พอพ้นนวนครมารถก็ไม่ติด วิ่งประมาณสิบกว่านาทีก็ถึงตรงหน้าโรจนะ   แถวหน้าโรจนะก่อนถึงแยกเข้า โรจนะ B มีวัดคานหาม (อยู่ใกล้คลองเพลง 5) ตรงนั้นมีรถจอดกันเยอะๆ เลยลองเข้าไป ก็เป็นตลาดมีของขาย แบบตอนเช้าก็ไปหาของกินได้ มีพวกเซเว่นอะไรด้วยเลยแวะตรงนั้นเพราะสะดวกดี แต่ลองเดินไปเจอข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่ได้ซื้อ ไปซื้อข้าวเหนียวหมูแบบห่อกระดาษ เห็นห่อละ 10 บาท แต่ก็ให้น้อย ไม่อิ่มต้องซื้อสองห่ออยู่ดี
ไม่เหมือนแถวแฟลตที่นวนคร 15 บาทได้เยอะดี  วันนี้ลองกาแฟถุงกระดาษ 25 บาทด้วย รู้สึกว่าตรงนี้ก็ราคาเหมือนในเมือง  แต่ในโรจนะไม่เหมือนในนวนครที่มีของกินขายข้างทางมาก ก็เลยต้องแวะซื้อตรงนี้

ช่วงเจ็ดโมงกว่าที่ไปถึงก็มีรถเยอะ จะติดตรงช่วงแยกที่รอเลี้ยว แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็ไม่ติด
ตอนเย็นขาออกก็มีรถพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ติดมาก รอไฟแดงตรงแยกโรจนะ B เลี้ยวขวาออกมาแล้วตรงไปถนนสายเอเซียเข้ากทม.ก็ไม่ติด  จะไปติดตรงแถบนวนคร

ช่วงเช้า ถ้าออกจากในกทม. ขึ้นทางด่วนก่อนหกโมงครึ่ง ไปทางด่วนแจ้งวัฒนะ ที่ต่อกับอุดรรัถยา ก็ไปถึงแถวบางปะอินลงทางด่วนราวๆเกือบเจ็ดโมง  แบบขับไม่ได้เกิน 120  ไปถึงแถวหน้าวัดคานหามก็ ประมาณเจ็ดโมงสิบห้า
ค่าทางด่วน เจอ สามด่าน ตรงทางขึ้นที่หัวลำโพง 50 บาท   แถวใกล้เมืองทอง 10 บาท ตรงทางลงบางปะอินอีก 55 บาท

ช่วงวันแรกๆลองไม่ขึ้นทางด่วนแล้วไปติดตรงนวนครนานน่าจะประมาณสิบกว่านาที ขนาดไปถึงแถบนวนครก่อนเจ็ดโมง หลังๆเลยขึ้นทางด่วนไปตลอด


2022
รถแถวนวนครเริ่มติดแบบทุกเลนในทางหลักตั้งแต่หกโมงสี่สิบ(เช้า)
รถชะลอตรงทางที่จะออกไปทางคู่ขนานก่อนเข้านิคม

สะพานแถวช่วงเลยห้างอยุธยาซิตี้พาร์คไปหน่อยนึงที่เป็นสะพานเข้าไปทางโรจนะวิ่งๆไปแล้วช่วงลงสะพานเลนจะหายไปหนึ่งเลน ทั้งจากสายเอเชียเลี้ยวขวาเข้าเส้นโรจนะและจากโรจนะตรงเข้าไปทางเมืองอยุธยา
ถ้าวิ่งเลนซ้ายสุดแบบเพิ่งเคยมาตรงนี้บางทีไม่สังเกตอาจจะเกิดอุบัติเหตุ
เพราะต้องเบี่ยงออกขวากะทันหันโดยไม่มีสัญลักษณ์บอกล่วงหน้าว่าต้องเบี่ยง

บางทีวิ่งเลนกลางบนสะพานก็ต้องคอยสังเกตรถที่วิ่งเลนซ้ายสุดที่ไม่รู้ว่าเลนตัวเองจะหายไปแล้วเบรคไม่ทัน

ส่วนฝั่งจากอยุธยาเข้าเมืองตรงบางปะอิน เลนตรงไปทางแถบประตูน้ำพระอินทร์-นวนคร  ตรงแถวทางแยกที่มีสะพานเลี้ยวขวาไปทางด่วนเข้ากทม.  (ทางหมายเลข 9 ที่ไปบางบัวทองและทางด่วนอุดรรัถยา ที่ขึ้นแล้วไปทางลงในเมืองทอง ต่อทางด่วนไปถึงแถวหัวลำโพงได้)
ก็มีเลนซ้ายหายหนึ่งเลน

พอขึ้นสะพานไปเพื่อไปแถบประตูน้ำพระอินทร์-นวนคร  
หลังจากลงสะพานแล้วชิดขวาเข้าทางหลักสักพัก เลนซ้ายของทางหลักจะหายไป


(ตรงทางลงทางด่วนโทลเวย์ลงตรงรังสิตก็มีเลนหายไปช่วงตรงสิ้นสุดทางด่วน เป็นช่วงที่จะลงสะพาน)

ในนิคมโรจนะจะมีทางทะลุถึงกันได้ จากโรจนะบีทะลุเข้าโรจนะเอ และจากโรจนะเอมีทางไปโรจนะซี
แต่ทางลัดตรงโรจนะบีกับโรจนะเอไม่เหมาะกับรถขนาดใหญ่
ถ้ามาจากทางสายเอเชียผ่านหน้าอยุธยาซิตี้พาร์คแล้วขึ้นสะพานเลี้ยวมาทางโรจนะ จะถึงโรจนะบีก่อน ถ้าจะไปโรจนะเอต้องรอไฟแดงนาน ถ้าบริษัทอยู่ด้านในๆโรจนะเอ เข้าไปทางลัดจากโรจนะบีเข้าไปอาจจะเร็วกว่า
และตอนเลิกงานถ้าออกทางโรจนะเอจะรอนาน อาจจะลัดไปออกทางโรจนะซี หรือบี

ด้านหน้าประตูโรจนะเอจะมีร้านค้าต่างๆอยู่ แต่ไม่เคยเข้าไปใช้บริการเพราะเวลาเข้าโรจนะเอจะเข้าผ่านทางลัดจากโรจนะบีไป แต่ตรงหน้าโรจนะเอถ้าเข้าจากด้านหน้าจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดรถตรงนั้นได้ 
แต่เวลาออกจากโรจนะเอ จะเลี้ยวกลับไปใช้บริการร้านค้าไม่ได้

ถ้าเข้านิคมจากประตูซีก็ลัดไปเข้าโรจนะเอ โรจนะบีได้ แต่ต้องดูเรื่องกลับรถ ถ้าบริษัทอยู่แถวๆหน้าประตูนิคมอาจจะกลับรถเข้าไปไม่ได้

ตรงทางเข้าประตูซีก็มีชุมชน มีร้านข้างทางให้ซื้อแต่จอดริมถนน
ทางออกจากประตูซีจะมีสะพานข้ามแยก จากประตูซีเข้าประตูดีก็สะดวก แต่ถ้าออกจากประตูซีเลี้ยวขวาแล้วตรงไปจะไปเลี้ยวซ้ายเข้าสายเอเชียจะรอไฟแดงเลี้ยวขวาตรงประตูซีนาน


ที่พักแถวนิคม
แถวๆก่อนถึงประตูบีก็มีหอพักแต่ที่จอดรถก็จำกัด
ถึงจะมีคนขับเข้าออกตลอดแต่ถ้าเข้าไปช้าก็หาที่ยาก
เสียค่าจอดรถเพิ่มจากค่าหอ
สัญญาพักอาศัยบางที่ต้องอยู่ถึงหกเดือนและเซ็นสัญญาทุกหกเดือน
บางหอก็มีคนอยู่เต็มตลอดโดยเฉพาะหอที่สะดวกสบาย
บางหอก็ไม่มีที่จอด เห็นบางที่ไปจอดรวมๆกัน
บางที่บริเวณที่คนอยู่เยอะใกล้ห้างถ้าเข้าไปในซอยบางทีต้องดูการจราจรในซอยช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะเข้าออกไม่ได้
หอเก่าๆคนอยู่น้อยอาจจะมีที่จอดมากกว่าสามารถอยู่ระยะสั้นได้แต่สภาพทรุดโทรม
ถ้าพักในตัวเมืองอยุธยาก็มีของกินเยอะแต่ถ้าคนอยู่เยอะสภาพการจราจรอาจจะหนาแน่น
ที่พักอาจไม่มีที่จอดรถก็ต้องอาศัยจอดริมทาง

ข้อควรสังเกต
บางหอพักอาจจะเป็นหอพักพนักงานบริษัทใหญ่
อาจจะมีกลุ่มคนรวมตัวกันเวลามีกิจกรรมบริษัท
หรือถ้าอยู่ห้องบริเวณที่ตรงข้ามกับหอพักบริษัทอาจจะมีพวกกลุ่มพนักงานชายห้องตรงข้ามรวมตัวกันบ้าง เป็นต้น

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไปปารีสมาแล้วรู้สึกว่าเป็นเมืองที่ไม่น่าเที่ยว

เท่าที่ไปยุโรปเองอย่างเมืองต่างๆในเยอรมัน กรุงเชก(ปราก) โคเปนเฮเกน(เดนมาร์ก) ปารีส(ฝรั่งเศส) ออสโล (นอร์เวย์) ก็รู้สึกว่าเมืองใหญ่ๆมันแออัดและเร่งรีบมีผู้คนเยอะตลอดโดยเฉพาะเวลาเร่งรีบ

อย่างปารีสเองเวลาไป(เราไปช่วงเมษาปีนี้) ก็เจอผู้คนแออัด นั่งรถไฟก็มีคนอัดแน่นเต็มรถ รวมทั้งรถราง ไปถึงขึ้นรถไฟรถรางราวๆสี่โมงเย็นก็แน่นขนัดไปหมด แถมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาก รวมถึงมีคนที่ตั้งใจจะมาหาประโยชน์ในเมืองนี้เยอะเหลือเกิน

ช่วงนี้เห็นโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินปารีสนี่ก็มีเข้ามา เลยนึกถึงตอนที่ไปปารีส แต่ถ้าจะไปอีกคงเลือกที่จะไม่ไปปารีส เพราะไม่ใช่คนที่จะไปซื้อพวกกระเป๋าหลุยส์อะไรพวกนี้ ถ้าเป็นไปได้ไปลงปารีสแล้วจะต่อรถไปเมืองอื่นเลยแบบบ้านนอกของฝรั่งเศสก็ได้ที่สงบกว่าปารีส

จริงๆการได้ไปดูอย่างพวกหอไอเฟล นอเตรอดาม พิพิธภัณฑ์ลูฟ โบสถ์ซาเครเคอร์ อะไรก็น่าจะเป็นไฮไลต์ของการมาชมปารีส แต่มันแลกกับการที่เราฝ่าฟันพวกที่เข้ามาหาประโยชน์ในกรุงปารีสเข้าไปด้วยเลยทำให้ต้องเสียอารมณ์ในการเที่ยวไปเยอะ

อย่างหอไอเฟลก็มีคนดำขายของตามทางทั่วไป ยังดีว่าคนดำตรงนี้ไม่เดินเข้ามาหา มายื่นอะไรให้เรา แต่ก็ทำให้ต้องเดินอย่างระมัดระวังมาก และที่พิพิธภัณฑ์ลูฟเองตอนที่เดินอยู่แถบรอบๆนอกกำแพง เจอพวกที่เดินตื้อขอให้เราเซ็นในแผ่นอะไรของเขาซึ่งเคยอ่านๆมาแล้วว่าคนอื่นก็เจอเหมือนกัน พยายามปฏิเสธและเดินหนีแล้วแต่เขาเดินตามแถมเข้ามาจับแขนเราซึ่งเราก็ใส่เอกสารสำคัญไว้ในเสื้อเลยไม่ชอบที่เขาจะมาจับตัวเรา  อย่างโบสถ์ซาเครเคอร์แถบมงมาร์ตมันก็สวยดีแต่ก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปมันแยกทางเป็นซ้าย-ขวา แล้วมีมุมที่มีคนดำซ่อนตัวอยู่พยายามจับข้อมือเราที่เดินเข้าไปคนเดียว อย่างที่เคยอ่านเจอว่าเขาจะเอาด้ายมาพัน เรารีบสะบัดออก แล้วเดินไป แต่ก็ทำให้เรากลัวที่จะเดินกลับลงไปเจออีก

ที่ถนนช้อปปิ้งก็ไม่ได้เจออะไร เดินเล่นดูตามร้านไปกับเพื่อนชาวต่างชาติที่เจอในโฮสเทล และตอนที่อยู่ในลูฟเราเจอป้ายระวังขโมย แต่เราระวังตัวอยู่แล้วไม่วางอะไรตอนถ่ายรูป ระวังตลอดไม่เจออะไร
ตอนที่ขึ้นรถใต้ดินไม่เจออะไร จริงๆก็ควรพยายามเลี่ยงจุดที่คนแน่นๆเอาไว้ และขึ้นรถในเวลาที่ไม่ค่อยมีคนแน่นขบวน แต่ก็ยังมีคนน่าจะเป็นแบบขอทานที่ขึ้นมาร้องเพลงถึงในขบวนรถไฟทั้งที่เมืองนี้ก็มีที่กั้นตลอดเวลาเข้าออกสถานี ซึ่งเราก็เห็นคนปีนเข้าบ้างเหมือนกัน
อย่างตอนที่ขึ้นรถรางก็ยังโชคดีที่เราไม่มีสมบัติอะไรมาก ถึงมันจะพยายามกรีดซิบล้วงเศษเหรียญของเราแต่ก็ไม่ได้ถุงเหรียญไป

ทั้งหมดนี้ทำให้การเที่ยวต้องระมัดระวังตลอด จริงๆปารีสนี่ก็คิดว่าคงไม่เท่าพวกที่ไปอิตาลีแล้วเอาประสบการณ์มาเล่าแบบสุดๆมั้งนะ  อิตาลีก็เป็นอีกที่นึงที่อยากไป แต่ก็ไม่รู้ว่าไปจริงๆแล้วจะประทับใจหรือระแวงผู้คนมากกว่าสนุกกับการเที่ยว ทำให้รู้สึกว่าเราควรจะไปเที่ยวเมืองเล็กๆที่เราเดินชิวๆ ถ่ายรูปมุมสวยๆ อาจจะไม่เป็นไฮไลต์ใหญ่ระดับประเทศแต่มันได้อารมณ์เพลินๆดีนะ