การเสวนานี้มีการรวบรวมผู้มีความรู้มาพูดคุยให้ความคิดเห็นรวมทั้งแนวทางการจัดสรรการลงทุน หรือ จัดทัพลงทุน (asset allocation) ด้วย
โดยพูดถึงเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจในส่วนต่างๆทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย จีน ญี่ปุ่น ไทย ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น นานๆจะฟังเรื่องเศรษฐกิจซะที แต่ครั้งนี้ก็เป็นการฟังเรื่องเศรษฐกิจอย่างจริงจังหลายชั่วโมงที่เข้มข้น รู้สึกสนุกในการเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและอยากค้นคว้าต่อทีเดียว
ผู้เข้าร่วมในการเสวนาครั้งนี้ก็มีทั้งผู้รู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ บริหารการลงทุน ผู้จัดการด้านกองทุน ผู้จัดการมอร์นิ่งสตาร์ที่วิจัยจัดลำดับกองทุน (รายละเอียดตามโปสเตอร์ในรูปภาพ)
![]() |
เสวนา โอกาสการลงทุนในวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้น |
รูปแบบการเสวนาก็เป็นการนั่งโต๊ะพูดคุยกันธรรมดา แต่ความรู้และมุมมองต่างๆที่นำเสนอขึ้นมาก็รู้สึกน่าสนใจสำหรับเรา ทำให้รู้สึกว่าเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้น่าเบื่อเหมือนตอนเรียนหรือฟังข่าวเศรษฐกิจตั้งแต่ตอนเด็กๆ หรือเป็นเพราะมันส่งผลกับหุ้น เลยน่าสนใจขึ้นมารึเปล่าก็ไม่รู้
สรุปคร่าวๆเรื่องที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันเท่าที่รวบรวมได้
ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่เป็นผลมาจากนโยบายการช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งไม่ได้มีเพียงยุโรป อเมริกาเท่านั้น เพียงแต่ไม่ออกมาให้เห็นชัดเจนเท่า
เช่น นโยบายของนายกญี่ปุ่น นายอาเบะ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินญี่ปุ่นไม่แข็งค่าจนทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าญี่ปุ่นอย่างเช่นคนไทยแห่ไปเที่ยว (มิน่าทำไมเงินเยนมันไม่ค่อยแพงเหมือนสมัยนึงตอนที่ไปเรียนไปทำงาน จนมีเพื่อนที่ไปทำงานญี่ปุ่นกลับมาบ่นอยากให้เงินเยนแพง)
วัฏจักรของเศรษฐกิจ แนวโน้มการฟื้นตัว
การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หลังประกาศยกเลิกการนำเงินมาช่วยเหลือ (QE) และการที่จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งพอประกาศลด QE ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อครึ่งหลังของปีที่แล้ว และมีการกระทบตลาดเกิดใหม่ มีการดึงเงินออก
เศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัวชัดเจน จะดีก็ประเทศใหญ่อย่างเยอรมัน อังกฤษ เป็นต้น
จีน นโยบายเพิ่มการบริโภคภายในประเทศหลังจากที่พึ่งการส่งออกเป็นส่วนมาก ตลาดหุ้นจีนลงมาหลังจากที่เคยเป็นขาขึ้นช่วง 2007 แต่ตอนนี้ PE ถูกลงมาจากช่วงนั้น คือจาก PE30 มาเป็น 16-17 ยังมีโอกาศโตต่ออีก
ประเทศไทยกับความเป็นศูนย์กลางเมื่อเปิดเออีซี ประเทศเพื่อนบ้านจะมีความต้องการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านมีความนิยมสินค้าไทยอยู่แล้ว จะเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ยานยนต์
ประเทศไทย เอกชนมีหนี้น้อย (สัดส่วน DE) มีศักยภาพ สามารถกู้เพิ่มได้
และยังมีหนี้สาธารณะน้อย ยังต้องมีการลงทุนภาครัฐ
(เวลาเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะดีนี่ตลาดหุ้นมักจะขึ้นไปก่อน)
มีการโชว์ตัวเลขของการเติบโตในการลงทุนแต่ละปีของตลาดประเทศต่างๆ เป็นต้น ให้ดูด้วย
เห็นการเคลื่อนไหวในแต่ละปีว่าส่วนไหนขึ้นลงยังไง
ก็คิดว่าภาพรวมนี้ก็จำเป็นในการดูและตัดสินใจลงทุนเหมือนกัน อย่างมีปีที่ผลตอบแทนขึ้นสูง ปีต่อไปอาจจะต่ำมาก เลือกลงทุนในปีที่สูงอาจทำให้ขาดทุนต่อมา
การจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้และวัตถุประสงค์ในการลงทุน
ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้เงินก้อน เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าจะลงทุนระยะสั้นยาว ลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงได้เป็นสัดส่วนเท่าไหร่
อาจจะดูว่าการลงทุนของเราไม่เป็นสาขาเดียวกับอาชีพเราด้วย อย่างถ้าอาชีพที่เกี่ยวกับหุ้นก็ลงทุนใน bond เป็นต้น
กองทุนในต่างประเทศมีเกิดขึ้นมากแต่ต้องดูรายละเอียดการลงทุน เช่น กองทุนหุ้นยุโรปลงทุนในประเทศใดบ้าง เพราะไม่ได้ดีไปทุกประเทศ
การลงทุนช่วงขาขึ้น ถ้าเราไม่สามารถดูเชิงเทคนิคก็ลงทุนเป็นช่วงเวลาโดยเงินทุนเท่าๆกันแบ่งส่วนไปได้เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุน ด้วยจำนวนเงินเท่ากันช่วงราคาลงซื้อได้มาก ราคาขึ้น ซื้อได้น้อยก็มีโอกาสชนะตลาดได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น