วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บันทึกประชุมสามัญผู้ถือหุ้น AOT 23 ม.ค. 2558

เมื่ออาทิตย์ก่อนไปประชุมสามัญผู้ถือหุ้น AOT มา ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ  ทาง AOT มีแนบตั๋วสำหรับขึ้นแอร์พอร์ตลิงค์ไปประชุมด้วย ทั้งไป-กลับ  โดยจะขึ้นจากสถานีไหนก็ได้ตอนขาไป และขากลับระบุว่าขึ้นจากสถานีสุวรรณภูมิ และเว้นให้เขียนปลายทางลงสถานีไหนก็ได้


มีบัตรขึ้นรถไฟอยู่ในหนังสือเชิญประชุมให้ตัดออกมาไปยื่นให้เค้าน์เตอร์ตรงทางเข้ารถไฟ


ไปถึงสุวรรณภูมิก็มีคนมาต้อนรับรายทางตั้งแต่ที่สถานี มีป้ายบอกทาง จนเข้าไปในโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ



เข้าไปถึงมีเคาน์เตอร์ลงทะเบียน รับของที่ระลึกเป็นผ้าลายไทย แล้วก็มีรับอาหาร ตอนที่ไปเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า มีต่อแถวกันยาว แต่แบ่งหลายแถว ก็มีติดขัดบ้างอย่างหยุดรอน้ำราดหน้ามาเติม และตอนกิน ก็มีคนบ่นว่าอาหารโรงแรมแต่ก็ทำออกมาได้ไม่ดี





ครั้งนี้มีให้ส่งใบสมัครไปเยี่ยมชมท่าอากาศยานที่ภูเก็ตด้วย ผู้ถือหุ้นได้ไป 100 คน


ส่วนที่มีออกความเห็นซักถามกันคร่าวๆ ก็อย่างเรื่องเงินปันผล
ทาง AOT มีกำไรสะสมมาก แต่กันไว้สำหรับลงทุนเรื่องสุวรรณภูมิเฟสสอง อย่างรอบนี้ก็ปันผลได้แค่ 3.4บาท เลยมีคนพูดขึ้นมาว่าให้นำเงินมาปันผลก่อน แล้วต้องการใช้เงินก็ระดมทุนอย่างเพิ่มทุน เป็นต้น

จริงๆนโยบายปันผล ของ AOT ก็กำหนดไว้เป็น  25 เปอร์เซนต์ขึ้นไปของกำไร  ปีนี้ก็จ่าย 39.95%

เรื่องกำไรที่ลดลง  มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะปีก่อนมีเรื่องการกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง จากเดิมที่หักด้อยค่าสนามบินที่ไม่ได้ใช้ก่อนหน้านี้  มาชดเชยปี56 ทำให้กำไรเพิ่ม  แต่ปี 57ไม่มี กำไรเลยลด 

มีถามเรื่องโนโวเทล เห็นว่าผลการดำเนินงานเป็นบวกมาสามปีแล้ว ปี 57 เป็น 102 ล้าน

เรื่องดอนเมืองเห็นว่าจะขยายดอนเมืองเดือนสิงหาคม ปี 2558 รับผู้โดยสารเพิ่มจาก 18 ล้านเป็น 30 ล้านคน 
มีปรับสนามบินภูเก็ตด้วย เสร็จสิงหาคมปีหน้า รับ 25ล้านคนและปรับอาคารเก่าด้วย

เรื่องแท็กซี่ มีการปรับเปลี่ยนไม่ได้ให้มีคนมาเขียนบัตร
ก็มีปัญหาเรื่องไม่เปิดมิเตอร์  คุยกับฝรั่งไม่รู้ว่าให้ไปส่งที่ไหน เป็นต้น

เรื่องให้เพิ่มการขนส่งลดความเสี่ยงเวลามีปัญหาด้านการเมือง
รถเมล์ให้มาจอดใกล้อาคาร

มีคนให้ความเห็นเรื่องที่จะมีรถไฟมาแย่งผู้โดยสาร

เห็นว่าจะมีพัฒนาเขตปลอดอากร  ยังมีคลังที่สามารถรองรับสินค้าได้สามล้านตัน

(เขียน15ก.พ.2558)

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สอบปลายภาค มสธ. (24-25 มกราคม 2558 สนามสอบ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม)

ถ้าจะเล่าถึงเรื่องสอบของมสธ. อย่างครั้งล่าสุด เมื่อปลายม.ค. วันที่ 24-25 มกราคม 2558 ก็ไปสอบมาที่สนามสอบวัดสุทธิวราราม  นั่งรถเมล์สาย 1 ไป เวลาไปใกล้ถึงมีกลิ่นปลาก็จะรู้เลยว่าใช่ละถึงละ เพราะตรงนั้นเป็นสะพานปลา  ช่วงเช้าก็จะมีโจ๊กขายอยู่แถวปากซอยเยื้องๆตรงข้ามโรงเรียนวัดสุทธิ ไม่ไกลจากป้ายรถ กลางวันก็มีข้าวขายแถบเดียวกัน หรือเดินไปหน่อยก็มีร้านบ้าง แต่ห่างๆกัน วันอาทิตย์บางร้านอาจจะปิด แต่ก็ถือว่าตรงนั้นก็ขายข้าวไม่ได้แพงมาก อย่างประมาณสามสิบห้าบาท  คงเพราะแถวโรงเรียนด้วย   ช่วงสอบเสาร์อาทิตย์โรงอาหารในโรงเรียนก็ไม่ได้เปิดขาย ต้องเดินออกจากโรงเรียนไปหาร้านกินเอา

เวลาสอบที่เรียนของป.ตรีก็จะเจอแบบใช้ดินสอสองบีฝนคำตอบเอา ที่เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ฯสาขาสารสนเทศธุรกิจ ไม่เคยเรียนวิชาที่เป็นอัตนัยเหมือนกัน  มีแต่ข้อสอบเป็นช้อยส์  ยกเว้นตอนไปทำกิจกรรมฝึกทักษะที่มสธ.ที่มีสอบปฏิบัติ  เรียนมาหลายปีจะจบแล้ว ถ้าลงเรียนสามวิชาครบทุกเทอมก็จะจบเร็วหน่อย แต่ไม่เคยขยันเลยอ่านหนังสือไม่ทัน ลงแค่สองวิชาหนังสือหนาๆสี่เล่มก็แย่ละ  บางเทอมลงสามวิชา ขนาดมีเวลาว่างๆนั่งอ่านไปทั้งวันยังไม่ค่อยไปไหน อย่างในหนังสือเขาจะแนะนำให้มีเวลาแบบสักสองชั่วโมงอ่านหนึ่งบท แต่บางทีบทนั้นมีสักเจ็ดสิบหน้านี่ก็อาจจะอ่านเป็นวันเหมือนกัน หนังสือเล่มนึงก็มีแบบอย่างสี่ร้อยหน้า วิชาละสองเล่มก็อ่านกันอ้วกไปเลย ยิ่งถ้าไปเร่ง แค่เดือนเดียวก่อนสอบนี่แบบตาลายอัดแน่นทุกวัน ขนาดว่ามีเวลาเดือนนึงอ่านก็คิดว่าไม่พอ  ถ้าจะเข้าใจเนื้อหาแบบที่ถามคำถามไม่เหมือนในแบบทดสอบที่ให้มา คำถามคล้ายแต่ไม่ใช่ แบบมีช้อยส์ลวงก็ยังตอบได้ก็ต้องใช้เวลาอ่านนานหน่อย ยกเว้นมีความรู้ในวิชานั้นอยู่แล้ว

ถ้าลองคำนวณ กรณีหนังสือเล่มละ 400 หน้า สองวิชา วิชาละ 2 เล่ม ก็คูณเข้าไป รวมแล้วประมาณ 1600 หน้า ถ้าหาร 30 จะได้วันละ 53 หน้ากว่า (จริงๆบางวิชาก็หนากว่าเล่มละสี่ร้อยหน้า)

เวลาไม่ทันจริงๆก็จะอ่านคำถามท้ายเนื้อหาในหัวข้อต่างๆ ในหนังสือที่มีคำถามคำตอบ บางบทจะเหมือนเป็นสรุปเนื้อหาหลักๆ  ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ย้อนไปดูเนื้อหา และดูในแบบฝึกหัดที่ให้มา ดูแนวว่าถามเรื่องอะไร และอาจจะไปดูเพิ่มในหนังสือถ้าไม่รู้เรื่อง  เพราะบางทีข้อสอบมันอาจจะออกเนื้อหาคล้ายๆกับที่ถามในแบบฝึกหัด แต่มันอาจจะไม่ได้ตรงเป๊ะ มีแค่บางอันที่ตรง  เจอบางอันมันจะเป็นเนื้อหาในเรื่องเดียวกัน แต่ถามตรงกันข้ามกัน ก็เลยต้องอ่านในเรื่องนั้นในหนังสืออีกที

ข้อสอบเท่าที่ทำมาก็มีออกทั้งในส่วนคำถามท้ายเนื้อหา บ้าง คำถามแนวคล้ายแบบฝึกหัดบ้าง และบางอย่างก็ไม่ได้มีในคำถามพวกนั้นเลย แต่มีอยู่ในหนังสือนี่แหละ ต้องอ่านเข้าใจและจำได้ถึงจะตอบได้
เคยเจออย่างมาตรฐานที่มีชื่อเป็นตัวเลข มีช้อยส์หลายตัวเลขใกล้ๆกันเข้าไปก็งงละ

เพื่อนที่เรียนด้วยกันก็มีตกกันหลายคนหลายวิชา เพื่อนที่ทำงานที่เรียนมสธ.เหมือนกันก็มีตกบ้าง คิดว่าบางอันมันก็ถามเหมือนลองเชาวน์เรา เหมือนจะลวงให้ตอบผิด ถ้าเราไม่หลุด แบบทำความเข้าใจว่าคำถามมันถามอะไรจริงๆและมีความรู้ในเรื่องนั้น ก็จะตอบได้ถูก

เท่าที่เรียนมา บางทีก็อ่านไม่ทันบ้าง เรื่องยากอย่างวิชาเลขก็มีส่วนที่อ่านไม่ทันหรือไม่เข้าใจจริงๆ แต่ก็อ่านหนังสือตลอด ไม่ได้อ่านแค่แบบฝึก และมีไปเรียนที่เขาสอนเสริม ที่ผ่านมาลงเทอมละสามบ้างสองวิชาบ้าง ก็สอบผ่านมาตลอดแต่ลุ้นทุกครั้งเวลาผลสอบออก

เรื่องที่สอบไปคราวก่อน เมื่อ 24-25ม.ค. 2558 ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
เวลาเข้าสอบตอนเช้าคือ 9 โมงเช้า แต่ควรจะเตรียมไปเร็ว เพราะห้องสอบอยู่ชั้นสูงๆทุกที ชั้นห้าบ้างชั้นเจ็ดบ้าง แล้วลิฟท์เขาก็เก่ามีน้อยด้วย ช่วงเก้าโมงนี่รอลิฟต์กันนาน
เวลาเข้าไปจากประตูหน้า ตรงไปมีสนามบาส ก็สามารถเอารถไปจอดตรงสนามบาสได้

ตรงแถวหน้าลิฟท์ ตึกแรกซ้ายมือ มีห้องน้ำหญิงอยู่ริมซ้าย เข้าได้หลายคนหน่อย นอกนั้นชั้นบนๆไปจะเป็นห้องน้ำอาจารย์ นอกนั้นเป็นห้องน้ำชาย
ตรงตึกนี้ก็จะมีบอร์ดรายชื่อว่าใครสอบวิชาไหนเวลาไหน ห้องอะไร ชั้นอะไร อย่างช่วงเช้าที่ไปถึงก็จะมีคนคอยบอกว่าห้องเราอยู่ตึกไหนชั้นไหน ไปทางไหน ไม่งั้นดูแค่บอร์ดแผนผังชั้นแล้วก็งงเหมือนกัน

เวลาเข้าห้องสอบ ก่อนเข้าห้องก็เช็คดูเลขที่นั่งสอบก่อน บางทีก็มีผังห้องสอบให้ดูว่าเลขเรานั่งช่วงไหน
เตรียมดินสอสองบี ยางลบ บัตรประชาชน และบัตรนักศึกษา ถ้ามีไม่ครบก็ต้องไปทำใบเข้าสอบที่กองกลางสนามสอบก่อนเข้าห้อง
 ช่วงเช้าที่สอบ 9โมงถึงเที่ยง หลัง 9 โมงเช้าก็ยังเดินเข้าห้องสอบได้ จนถึง 9 โมงครึ่ง  เวลาเลิกคือเที่ยง แต่เห็นคนลุกออกกันก่อนเวลาทุกที อย่างสิบเอ็ดโมงก็จะลุกกันเยอะละ  เวลาทำไม่ทันก็จะรู้สึกว่าเราทำช้าไปรึเปล่า แต่คนอื่นที่อยู่ห้องเดียวกันก็สอบคนละวิชากันทั้งนั้น จะมีวิชาเดียวกันก็อาจจะไม่กี่คนถ้าไม่ใช่วิชาพื้นฐาน

เรื่องการแต่งกายก็มีระเบียบบอกไว้กับเอกสารที่ส่งมาเรื่องกำหนดการสอบ ว่าแต่หน้าร้อนอย่างเมื่อก่อนสอบตอนเมษานี่ก็ถ้าใส่แขนยาวหรือเสื้อหนาหน่อยไปสอบมีหวังร้อนจนไม่เป็นอันสอบ  ห้องที่ไปสอบเป็นห้องเรียนพัดลมทั้งหมด  อย่างใส่เสื้อโปโลกับกระโปรงคลุมเข่าไปสอบก็รู้สึกร้อนเหมือนกัน แต่คราวนี้เปลี่ยนช่วงเวลาเรียน-เวลาสอบไปหมด  อย่างเมื่อก่อนสอบช่วงเมษากับตุลา แต่ตอนนี้ก็เป็นมกรา  อีกทีก็ช่วงกรกฎา  ช่วงปลายมกราอย่างคราวนี้อากาศก็ยังเย็นสบายดี

ช่วงสอบในแต่ละเทอมมีแค่สองวัน เสาร์กับอาทิตย์ เวลาลงทะเบียนก็ต้องดูว่าไม่ลงวิชาที่วันเวลาสอบตรงกัน  ถ้าลงสามวิชา มันก็จะมีวันนึงที่สอบทั้งเช้าและบ่าย จะเอาหนังสือไปดูเพิ่มทั้งสองวิชาก็แบกหนักเหมือนกัน



ลงรูปแผนผังห้องสอบที่ติดบนบอร์ดเป็นตัวอย่าง
แผนผังห้องสอบ มสธ.ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม

Update
 .ปีนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะประกาศผลสอบเร็ว  ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีเรื่องยุ่งๆทำให้ไม่ได้คิดเรื่องนี้ พอมาวันนี้นึกขึ้นได้เปิดดูเวบมสธ.ในหน้านศ.ป.ตรีก็เห็นลิงค์ประกาศผลสอบ อัพเดตวันที่4 มี.ค.  เลยเข้าไปดูผลสอบออกแล้วในวิชาที่สอบแค่ปรนัยสองวิชา  อีกวิชาที่เป็นวิชาที่มีฝึกปฏิบัติด้วยยังไม่เห็นผลสอบ

17  มี.ค.  ได้ดูหน้าลิงค์ประกาศผลสอบในเวบมสธ.  ( http://www.stou.ac.th/Website/QuestGrade/login.aspx)เห็นว่ามีอัพเดตข้อมูลไปเมื่อ13มี.ค. แต่ลองเข้าไปดูอีกทียังไม่เห็นผลสอบวิชาฝึกปฏิบัติที่สอบไป(ระบบสำนักงานอัตโนมัติ)
เห็นว่าวิชาฝึกปฏิบัติหรือพวกวิชาประสบการณ์ลงทะเบียนสอบซ่อมได้ถึง30มี.ค. แต่วิชาธรรมดาได้ถึงแค่18 มี.ค. (ประกาศในหน้าหลักมสธ.http://www.stou.ac.th/Home/)