วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

(ไม่สปอยล์)บังเอิญได้ดูหนังฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย...ห้ามพัก..ห้ามรักหมอรอบสื่อ 31 ส.ค. 2558


1 ก.ย. 2558
 เมื่อวานด้วยความอยากไปดูดาราในงานอีเว้นท์เลยไปงานฉายหนังรอบสื่อ ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย...ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ ไม่เคยไปดูอีเว้นท์การฉายรอบสื่อมาก่อนเพราะไม่นึกว่าจะมีกิจกรรมอะไร พอไปถึงตั้งแต่งานยังไม่เริ่มก็เห็นเวที เห็นเครื่องดนตรี เลยว่าต้องมีเล่นเพลงประกอบหนังกันบนเวทีแน่ๆ ตอนนั้นเห็นยังไม่มีคนเลยไปทำกิจกรรมอื่นในห้างก่อนค่อยมาดูใหม่
 
   พอขึ้นมาอีกรอบก็ที่แฟนคลับไปยืนเต็มข้างเวทีถือป้ายไฟใหม่ดาวิกากันแล้วเลยไปจองที่ด้านหลังสื่อนึกว่าจะมีที่ให้ดูบ้างหลังกล้องก็ยังดี  พอยืนไปสักพักก็แบบขาตั้งอันใหญ่มากันเต็มพื้นที่ นี่เพราะเราชะล่าใจว่าพื้นที่ตั้งกล้องมีเยอะขนาดนั้นน่าจะมีพื้นที่ให้เราบ้าง  แต่ก็เปล่าเลย นักข่าวมาล้นทะลักมากทั้งนักข่าว ดารา ผู้กำกับจีทีเอช เต็มพื้นที่จัดงานตรงโรงหนังพารากอน แถมยังเข้าไปในพื้นที่งานกันเต็มแบบยืนมุงกันแถวข้างเก้าอี้กันเพียบ เพิ่งรู้ว่ารอบสื่อเขาให้คนมาดูเยอะขนาดนี้  หรือว่าเป็นเฉพาะจีทีเอชก็ไม่รู้

  สุดท้ายที่แฟนคลับด้านข้างเวทีก็เต็ม คิดสภาพว่าถ้าทุกคนกางเก้าอี้ออกมายืนคงไม่เหลืออะไรให้คนตัวเล็กๆอย่างเราดูแน่เลยเลือกยืนหลังสื่อต่อไป  จะเข้าไปแถวข้างเก้าอี้ก็ไม่มีบัตรอีก เลยยืนด้านหลัง  แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยในพื้นที่งานคงไม่มีคนแบกเก้าอี้เข้าไปกางแล้วยืนเป็นจำนวนมากเหมือนพื้นที่แฟนคลับ ยังพอเขย่งๆดูได้  สักพักที่ด้านหลังเราก็มีคนยืนเต็มเหมือนกัน
  พอเริ่มงานเราก็ซูมเช้าถ่ายหน้าเวทีไป  สื่อแถวเราก็พาดาราฮอร์โมนมาสัมภาษณ์หลายคนเลย
งานนี้คนเยอะจริงๆคนในพื้นที่งานก็เต็ม อย่างไม่เคยเห็นในอีเว้นท์อื่น
 สุดท้ายก็มีสื่อที่ทำข่าวเสร็จยื่นบัตรมาให้ ดีใจมากไม่คิดว่าจะได้ดูรอบสื่อกะเค้า
ดูรอบสองทุ่มออกมาก็ห้าทุ่มแล้ว

    เข้าไปดูหนังสองทุ่มครึ่งแล้ว ดีใจที่ได้บัตรรีบเข้าไปแต่เสียเวลาเดินหาห้องน้ำอยู่อีกพักนึง เดินเข้าไปถึงโรงหนังแล้วไม่เจอห้องน้ำเลยเดินออกมาใหม่ แต่ก็กลับเข้าไปดูทัน มีตัวอย่างหนังจีทีเอชเรื่องเมย์ไหน เด็กๆฮอร์โมนน่ารักดี

    พอหนังฉายถึงตอนที่เป็นตัวอย่างหนังเราก็นึกถึงฉากในตัวอย่าง แต่ในหนังจริงเป็นยังไงต้องลองไปดู  ดูแล้วนึกถึงโมเม้นต์ที่พาน้องไปหาหมอแล้วหมอนัดต่อตลอด เหมือนชีวิตเราช่วงปีนี้ใกล้โรงพยาบาลด้วยแหละเลยนึกถึง  แต่หมอเรื่องนี้น่ารักอะ สงสัยว่าหมอจริงๆสวยๆจะมีคนไปหาหมอตลอดบ้างมั้ย
   ยุ่นกับเจ๋ที่รับงานมาให้นี่ทำให้นึกถึงคนที่ทำงานด้วยกันเลยว่าคงมีโมเม้นท์แบบนี้
   เรื่องงานยุ่นเราไม่คุ้นเคยกับพวกงานกราฟฟิคไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆเป็นไง  แต่เออ พวกงานประจำมันก็มีที่บ้างานเข้าขั้น  อย่างที่เคยเจอพวกประชุมแบบไม่กินข้าวกินปลา
   ดูแล้วแบบวัยทำงานนี่ถ้าชีวิตมีแต่งานเราจะทิ้งคนรอบตัว เอาเวลาไปให้งานจนไม่มีเพื่อนแบบนี้มั้งนะ


(เพิ่มเติม)
   เห็นเริ่มมีคนพูดถึงความอินดี้ของหนังหรืออินดี้แต่ไม่สุดหรืออะไร เลยอยากลองเขียนสิ่งที่เราคิดบ้าง
นี่ก็ว่ามันเป็นชีวิตธรรมดาที่ไม่หวือหวามากแต่ให้อารมณ์ความคิดความรู้สึกของตัวละครอย่างซันนี่
หนังไม่ได้เอามุกตลกบ้าบอติงต๊องขนาดนั้นมาใช้แต่แบบเออถ้าเห็นคนในชีวิตจริงเจออย่างนี้มันก็ฮานะ อย่างนี้เค้าเรียกตลกร้ายรึเปล่าไม่รู้  อย่างแขกรับเชิญที่คุ้นหน้ากันในจีทีเอชนี่ก็ฮาอะถ้ารู้จักว่าเค้าเป็นใครนะ

แต่ถ้าอย่างรับงานแบบเร่งมากอย่างสายกราฟฟิคนี่ก็คงอินอะ เห็นเค้าว่าหนังมันเล่าสิ่งที่เคยเกิด อารมณ์บ้าๆอย่างในหนังมันก็มีคนเป็นจริงๆ
     เรื่องที่ตัวอย่างดูโรแมนติค ในหนังเหมือนต้องสังเกตคำพูดท่าทางของตัวละครที่เหมือนจะธรรมดาแต่ซ่อนความโรแมนติคเอาไว้
     เรื่องกล้องแฮนด์เฮลด์อะไรนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  แต่ดูหนังแล้วบางฉากเราก็เหมือนเข้าไปเสือกเรื่องของเขาอยู่ในวงสนทนาเดียวกัน  บางฉากก็ตามติดนักแสดงจนเราตกใจ
     เรื่องที่ว่าจะแนะนำให้ดูรึเปล่า  ไม่รู้นะเพราะบางคนอาจจะอยากให้มันเหมือนหนังที่มานั่งพลอดรักกันรักกันปานจะกลืนหรือแอบรักจัดๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่อะ  มันเหมือนรักนะแต่ไม่แสดงออกมั้งนะ
    บางทีก็รู้สึกให้อารมณ์ที่ว่า เฮ้ยหนังอย่างนี้เราก็สร้างกันได้  ทั้งฉากสถานที่ดนตรีประกอบเทคนิคกล้อง ถ้าให้คิดนะ เหมือนจีทีเอชอาจจะอยากได้คนรุ่นใหม่ๆมาช่วยกันสร้างผลงาน รึเปล่า  อย่างที่เปิดโอกาสให้ผู้กำกับคนนี้   จริงๆก็คงมีคนอยากออกมาแต่งเรื่องกันเอง วาดฉากขึ้นเองเหมือนที่วาดรูปเลียนแบบฉากในหนังเหมือนกันนะ  แบบที่สร้างแบนเนอร์กันเองด้วย (นี่คิดเองล้วนๆแต่ถ้ามีความคิดกล้าทำ วันนึงอาจจะเข้าไปสร้างหนังกับเค้าบ้างก็ได้)