วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปัญหารถติด

ปัญหารถติดเติบโตขึ้นพร้อมกับความเจริญของเมืองใหญ่ เมื่อมีคนอพยพเข้ามาสู่ความเจริญมากขึ้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีปัญหารถติดตามมา
โดยเฉพาะเมืองที่ไม่มีระบบการขนส่งที่สมบูรณ์พอที่จะให้คนเดินทางโดยไม่มีรถยนต์ได้อย่างสะดวกสบาย คนก็จะยิ่งเห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อรถเพื่อซื้อความสะดวกสบายในการเดินทาง ถึงแม้เงินจะน้อย
ผ่อนรถแล้วแทบไม่พอใช้จ่ายก็ตาม

ประเทศไทยเองก็มีปัญหารถติดทั้งในกรุงเทพมหานครและในเมืองใหญ่อื่นๆ
แล้วไทยจะมีแนวคิดที่จะแก้ไขรถติดต่อไปอย่างไร
ในเมื่อคนยิ่งอพยพเข้ามาในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
ความเจริญยังกระจุกตัวอยู่ในเมือง
คนซื้อรถมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่พื้นที่ที่จะให้รถวิ่งมีเท่าเดิม
การจัดรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ก็เป็นหนึ่งที่ทำให้คนมีทางเลือกในการเดินทาง
และการระบายคนที่ใช้รถสาธารณะทำให้ไม่ต้องไปแออัดบนท้องถนน

แต่คนที่นิยมใช้รถส่วนตัวจะยังติดความสะดวกสบายจากการใช้รถส่วนตัว
เป็นการยากที่จะเปลี่ยนให้มาใช้รถสาธารณะกันได้ทุกคน เพราะยังมีตรอกซอกซอยอีกมากที่รถสาธารณะยังไม่เข้าถึง ยกเว้นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง/แท๊กซี่
รวมถึงการนั่งรถสาธารณะยังต้องเปลี่ยนรถหลายต่อ ถ้ามีข้าวของพะรุงพะรังก็จะไม่สะดวก
และถ้ามีลูกเล็กๆ ก็คงจะไม่อยากให้ลูกต้องลำบากและเสี่ยงอันตรายในเมืองมาขึ้นรถสาธารณะ
แนวคิดของคนทุกวันนี้ ยังคิดเพียงว่าถ้ามีเงินจะซื้อรถซื้อบ้าน
ยิ่งทุกคนคิดจะมีรถ ก็ยิ่งทำให้รถติดมากขึ้น และสังคมเราก็จะต้องเผชิญปัญหานี้ไปอีกนาน

ผู้ที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองก็คงจะคิดกันว่าจะแก้ปัญหารถติดนี้อย่างไร
รวมถึง สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายเพื่อรองรับการเดินทาง



ตัวอย่างแนวคิดหนึ่งที่จีนออกแบบรถเมล์ที่ให้รถอื่นวิ่งลอดข้างล่างได้
เพื่อเป็นการแก้ปัญหารถติดจากการที่คนแห่อพยพเข้ามาอยู่ในเมือง
เห็นว่ามีรางกั้นเลนอยู่ กันรถเปลี่ยนเลน
คิดว่ารถคงต้องขับกันมีระเบียบพอสมควรถึงจะจัดระเบียบได้
ไม่รู้ว่าใช้จริงแล้วจะเป็นอย่างไร


อย่างไรก็ตาม ถึงจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกมากเพียงไร แต่ถ้าคนยังนิยมเข้ามาอยู่กันอย่างแออัดในเมืองหลวงแล้ว ปัญหาก็คงจะไม่ใช่แค่รถติดเพียงอย่างเดียว คงพ่วงเรื่องการแย่งกันกินใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทรัพยากรที่ต้องจัดการเพิ่มขึ้น พื้นที่อยู่อาศัยน้อยลง ฯลฯ แม้จะเป็นประเทศที่เจริญแล้วก็คงประสบปัญหานี้
ดังนั้น อาจจะต้องขยายพื้นที่ความเจริญเพื่อให้คนกระจายออกไปตามที่ต่างๆ และขยายระบบการขนส่งการเิดินทางให้สะดวกสบายเท่าเทียมกัน สาธารณูปโภคก็ควรจะจ่ายให้กระจายในหลายพื้นที่
กระจายแหล่งกิจการต่างๆเพื่อสร้างงาน
เพื่อให้คนไม่ต้องอพยพมาเมืองหลวง

แต่ถึงอย่างไรการกระจายความเจริญก็คงต้องอาศัยระยะเวลาและความร่วมมือจากทุกฝ่าย อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ง่าย หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยในบ้านเราก็ได้

(เขียนเพิ่มเติมปี2025)
ปัจจุบันคนนิยมใช้รถไฟฟ้า รถใต้ดินกันมากขึ้น ตามสถานีรถไฟฟ้ามีคนรอขึ้นเป็นแถวยาว ไม่เฉพาะเวลาเร่งด่วน ช่วงดึกๆรถไฟฟ้าก็เต็ม แต่รถก็ยังติดอยู่
รถที่เดินทางเข้าไปในเขตที่รถติดมากๆก็ยังมีจำนวนมาก
เท่าที่ลองค้นหาในแผนที่คร่าวๆเจอคอนโดที่อยู่ในซอยจำนวนมาก  จากเดิมคนอาจจะอยู่อาศัยได้แต่บ้านรอบนอกเมือง เนื่องจากค่าที่มีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยที่เป็นคอนโดขนาดใหญ่จำนวนมาก ทำให้คนสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้จำนวนมาก
อาจจะทำให้ใช้เวลาเดินทางไปกลับน้อยลง ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน ทำธุระ เที่ยวห้างฯลฯ
แต่ก็ยังมีที่อยู่จำนวนมากอยู่ไม่ติดรถไฟฟ้า ยังต้องอาศัยการเดินทางเข้าซอยด้วยวิธีต่างๆหรือใช้รถยนต์เพื่อความสะดวก


เดิมคนอาจจะใช้เวลามากในการเดินทางจากในเมืองกลับบ้านที่อยู่รอบนอกเมือง รถติดจากรถที่เดินทางออกนอกเมือง แต่ปัจจุบันรถติดเกิดจากรถที่เดินทางกลับที่อยู่อาศัยในเมืองน่าจะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนคอนโดในซอย
หรือคอนโดที่อยู่บนถนนที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
คนที่เดินทางกลับบ้านนอกเมืองก็ยังคงมีถ้ายังไม่เข้ามาซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยในเมือง รวมถึงคนที่ใช้รถยนต์เพราะประหยัดกว่าขึ้นวินต่อสองแถวต่อรถไฟฟ้าสามสายแล้วขึ้นวินอีกต่อก็ยังใช้รถยนต์
คนที่ต้องรับส่งลูกเล็กก็ยังนิยมใช้รถยนต์


ถ้าคนยังใช้รถเพิ่มขึ้น และมีที่อยู่อาศัยจำนวนมากที่ยังว่าง ก็มีโอกาสที่คนจะเข้ามาอยู่มากกว่านี้ รถเพิ่มจำนวนมากกว่านี้
แล้วจะทำอย่างไรกับวิธีเดินทางเข้าซอยที่ทั้งเปลี่ยวและมืดในเวลากลางคืน ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้จักรยานเหมือนต่างประเทศที่เดินทางไปรถไฟฟ้าด้วยจักรยาน ในเมืองร้อนก็ไม่เหมาะ และยังมีอันตรายจากรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์
ถึงแม้ปัจจุบันจะสามารถทำได้แล้วบางส่วนแถวสถานศึกษา แต่จะขยายออกไปบริเวณอื่นก็ต้องหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับจักรยาน แต่ก็ไม่สามารถกั้นเลนสำหรับจักรยานได้ในทันที เพราะคนยังเดินทางด้วยรถยนต์ แถมยังใช้ซอยเป็นทางลัด เมื่อกั้นเลนจักรยานก็ทำให้รถติดและคนออกมาด่า
 และถึงแม้จะทำเลนสำหรับจักรยานได้สำเร็จแต่ไม่มีที่จอดจักรยานที่ปลอดภัย ก็ยังทำให้คนไม่อยากซื้อจักรยานมาใช้เพื่อให้ปั่นจักรยานทั้งเหนื่อยทั้งอันตรายแล้วยังเสี่ยงจักรยานหาย 
จักรยานที่ใช้แอพในการเช่าก็มีในเมืองไทยจำนวนหนึ่งแต่เชื่อว่ายังน่าจะมีปัญหาในการใช้งาน เรื่องที่จอด เรื่องการข้ามถนนใหญ่
สะพานที่ข้ามถนนใหญ่ส่วนมากก็ยังเป็นสะพานคนข้ามอยู่ และถ้าทำทางลาดขึ้นลงสะพานลอยก็จะมีพาหนะประเภทอื่นมาร่วมใช้ทางด้วย

ที่ทำงานบางที่อาจจะจัดสวัสดิการที่อาบน้ำสำหรับคนขี่จักรยาน แต่ก็อาจจะยังไม่ครอบคลุมและมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย 
สำหรับคนต่างชาติที่อยู่อาศัยในซอย อาจจะนิยมเดิน เพราะเคยชินตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ แต่ซอยที่นี่ไม่มีที่เดินเพราะไม่มีใครเดิน ไม่ปลอดภัย ทำให้ที่พักอาศัยบางที่มีบริการรถรับส่งถึงรถไฟฟ้า 

บริการรถรับส่งจากที่พักไปรถไฟฟ้าอาจจะเป็นทางหนึ่งที่จะลดการเดินทางด้วยรถยนต์ แต่อาจจะต้องมีการส่งเสริมให้ทุกที่จัดบริการเพื่อให้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยและที่ทำงานทุกแห่ง
แม้ในเวลาเช้ามากและดึกมาก 
ถ้าเอกชนทำเองอาจจะไม่สามารถจัดบริการนี้ได้อย่างทั่วถึง อาจจะต้องมีการส่งเสริมให้เพิ่มบริการ โดยมีแรงจูงใจต่างๆ  โดยต้องมีพื้นที่สะดวกในการจอดรถรับส่ง
อย่างรถสองแถวที่มีตามซอยต่างๆก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลาให้บริการ เป็นต้น ก็อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มบริการ
รถเมล์ที่ปกติวิ่งถนนใหญ่ก็อาจจะมีบางสายมาให้บริการในซอยใหญ่ๆเพิ่ม หรือถนนที่ไม่มีขนส่งมวลชนเลยแต่มีบ้านที่อยู่อาศัยจำนวนมากก็ต้องจัดรถสาธารณะวิ่งเพิ่ม
อย่างอื่นๆยังนึกไม่ออก

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Nintendo 3DS (ニンテンドー3DS)




เราก็เป็นคนนึงที่เล่นเกมของนินเทนโด(任天堂)แบบพกพามาตั้งแต่เกมบอยธรรมดา จนถึงเกมบอยแอดวานซ์
แล้วล่าสุดก็มี Nintendo DS
มาถึงDSIอะไรต่างๆก็ไม่ได้ติดตามซื้อต่อ เพราะโดยพื็นฐานก็ยังดูเป็นแบบเดียวกับ DSอยู่

จริงๆแล้ว มีการวิเคราะห์ออกมาว่าเกม Nintendo DS มีผู้เล่นเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กๆ
ก็รู้สึกว่าจริง เพราะมีเพื่อนทั้งผู้หญิงผู้ชายเล่นกันหลายคนทีเดียวตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ออกมา
มีเกมน่ารักๆออกมามากมาย เลยทำให้เกมเป็นสิ่งที่ไม่ได้เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กผู้ชายเหมือนที่เคยรู้สึก
มีเกมสำหรับผู้หญิง เกมน่ารักๆ เกมฝึกสมองสำหรับผู้ใหญ่ เกมฝึกภาษาต่างๆ รวมถึงซอฟท์แวร์ที่เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันต่างๆ ทั้งบันทึก ควบคุมค่าใช้จ่าย คุมน้ำหนัก เป็นต้น

มาเมื่อไม่กี่วันนี้ไปเปิดเวบเจอว่าจะมีเกมรุ่นใหม่แบบสามมิติออกมาในต้นปีหน้า 2011

เห็นว่าที่ญี่ปุ่นจะออกวันที่26 /02/2011 ( 2011年2月26日จากวิกิพีเดีย) ราคา 25,000 Yen
เลื่อนไปจากที่ตอนแรกมีประกาศไว้ว่าจะออกปีนี้ วันที่ 11 พ.ย. (11月11日)
ได้เห็นวีดีโอโฆษณาเกมในyoutube ก็เริ่มรู้สึกอยากติดตามดูว่า การแสดงผลแบบสามมิติที่เครื่องเล่นเกมแบบพกพาทำได้ จะอยู่ในระดับไหน
จากที่เคยไปดูทีวีสามมิติตามห้างรู้สึกว่าแพงมาก และยังต้องใส่แว่นดูอยู่ ก็รู้สึกว่า นี่อยู่บ้านดูทีวีต้องใส่แว่นอะไรมากมาย ปกติก็ใส่แว่นสายตาอยู่แล้ว จะต้องใส่สามมิติอีก เลยรู้สึกว่าเทคโนโลยีสามมิติอาจจะไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่
ของเกม 3DS นี้ ราคาก็แพงกว่าเกมที่ขายกันปกติ แต่ก็ถ่ายรูปสามมิติได้ แล้วก็พกพาได้ ไม่ต้องใช้แว่นดูด้วย
จริงๆแล้วมันก็อาจเป็นแค่ภาพแอนิเมชั่นที่ดูมีมิติ เหมือนหนังการ์ตูนสามมิติ
คงไม่ถึงขนาดกับเด้งออกมาเหมือนไปดูหนังสามมิติหรอก
แต่ถ้ามันไม่เด้งออกมามาก การแสดงผลมันก็อาจจะเทียบได้แค่พวก PSP ที่ทำมานานแล้วรึเปล่านะ

พอลองเสิร์ซดูรายละเอียดอีกเห็นว่ามันมีเวบชื่อ 3DS ด้วย
www.3dsthailand.com

3ds.blog.so-net.ne.jp

ในวิกิพีเดียก็มีด้วย
( ว่าแต่มีเวบอันนี้ที่เหมือนจะใช่ แต่จริงๆเป็นอะไรไม่รู้ด้วย www.3ds.co.jp, www.3ds.com/jp/ )

คิดว่าคงมีคนติดตามกันพอสมควร ตอนนี้ก็เปิดให้จองตามเวบขายของต่างๆกันแล้ว
ลองดูเวบบอร์ดนี้มีเปรียบเทียบรูปกับเกมอื่นๆให้ดูกันด้วย


คราวนี้รู้สึกว่าเครื่องแปลกไปจาก DS ตรงที่ทำปุ่มต่างๆมาไว้บนตัวเครื่อง ทั้ง Select, Home, Start และปุ่มเปิดปิด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะของ DS มีปัญหาในเรื่องการเปิดปิด การรีเซ็ตเกมรึเปล่าไม่รู้เหมือนกัน

ในเวบของนินเทนโดมีซูมให้ดู แถมมีตัวอย่างเกมต่างๆให้ดูภาพเล่นๆกันไปก่อน



กล้องมีกล้องใน 1 กล้อง กล้องด้านนอก อีก 2
แต่ก็ถ่ายภาพได้ละเอียดแค่ 640×480(0.3 เมกะพิกเซล)
ดีตรงที่ถ่ายรูปเราแล้วสร้างตัวการ์ตูนของเราออกมาน่ะแหละ

ระบบ surechigai หรือ ติดต่อเกมเครื่องอื่นตอนเดินผ่านกันโดยใช้WiFiก็เป็นระบบที่ดูน่าสนดี เปิด WIFI ตลอดเปลืองแบตน่าดู
ว่าแต่จะได้ข้อมูลจากคนที่เดินผ่านไปมาได้ในเวลาอันรวดเร็วได้ยังไงก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนได้เจอเพื่อนใหม่ อย่างที่บางคนต้องเข้าไปหาในเวบ แต่นี่คือเคยเดินผ่านกันตัวเป็นๆ อาจเป็นความพยายามในการเชื่อมโยงโลกเสมือนให้เข้าใกล้โลกความจริงอย่างหนึ่งก็ได้



เกมที่เห็นโฆษณาเวอร์หน่อยก็เป็นเกมจีบสาวสามมิติ .....มันจะเด้งเวอร์เกินจริงไปมั๊ย ถ้าได้อย่างนั้นจริงคนแห่ไปจองแน่

ข่าวจากเวบต่างๆ

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เทศกาลกินเจ

ถึงเทศกาลกินเจทีไรแถวบ้านก็คึกคัก มีคนมารวมตัวกันขายอาหารเจมากมาย
ว่าแต่อาหารเจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำกันแบบมันๆเยิ้มๆ มีแต่ของทอด ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหน
แล้วก็ใส่กันแต่พวกโปรตีนแทนเนื้อสัตว์ ทำให้เหมือนเนื้อสัตว์ให้มากที่สุด
แทนที่จะทำผัก เห็ด ให้มันเป็นอาหารปลอดเนื้อสัตว์แบบมีพืชผักแทนก็ไม่ได้
เลยรู้สึกว่ามันพยายามให้คนกินหลอกตัวเองว่าได้กินเนื้อสัตว์รึเปล่า
แล้วมันจะได้บุญเหรอ ถึงแม้ว่ากินเจแล้วจะทำให้ได้รับสารอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์น้อยลง
แต่ก็ใช้โปรตีนจากถั่ว เต้าหู้ เห็ด ก็น่าจะดีกว่า
พวกโปรตีนเกษตรหรืออาหารแทนเนื้อสัตว์น่าจะใส่แต่น้อย ให้พอได้คุณค่าทางอาหารก็พอแล้ว

ถึงเทศกาลนี้จะไม่ได้กินเจตลอด แต่ก็รู้สึกว่าดีที่มีเทศกาลงดกินเนื้อสัตว์ขึ้นมา
เพียงแต่รูปแบบอาหารอาจจะต้องลองปรับกันบ้างอาจจะดีขึ้นรึเปล่านะ
สำหรับยุคนี้ คนอาจจะนิยมกินของเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ก็เลยคิดว่าอาหารเจ ถ้าจะทำเพื่อสุขภาพจริง
ก็ต้องลดพวกมันๆเยิ้มๆลงไปบ้างน่าจะดีกว่า

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โลกแห่งมิติ

ปัจจุบัน เทคโนโลยีสามมิติเริ่มจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นโรงหนังสามมิติ ทีวีแบบสามมิติ กล้องสามมิติ เกมสามมิติการฉายภาพแบบสามมิติ เวลาพรีเซนต์ หรือจัดนิทรรศการเป็นต้นก็เริ่มเห็นมากขึ้นหรือว่าภาพแบบสองมิติจะไม่สามาารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์เราได้ครบไม่งั้นก็เพียงแค่ความอยากจะพัฒนาเทคโนโลยีให้มากขึ้น ทำให้มีความเสมือนจริงมากขึ้นซึ่งถ้ามีโลกเสมือนจริงแล้ว คนอาจจะใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงน้อยลงอย่างการช้อปปิ้งผ่านเวบไซต์ก็เช่นเดียวกัน ทำให้คนไม่ออกไปซื้อของในโลกจริงที่มีการเดินไปดูของจริงแต่ดูเพียงรูปในเวบไซต์ เทคโนโลยีสามมิติก็อาจจะช่วยในเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่ได้ออกไปดูของจริง แต่สามารถดูรูปแบบสามมิติได้ในคอม หรือในทีวี ก็อาจจะตอบสนองเรื่องการตรวจสอบสินค้าก่อนซื้อได้หรืออนาคตอาจจะพัฒนาให้สามารถทดลองจับของจริงจากคอมก็ได้โดยที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้

ถ้าเทคโนโลยีสามมิติเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้นกว่านี้ อุปกรณ์ทุกอย่างจะสามารถแสดงผลแบบสามมิติได้
และสามารถนำภาพสามมิติมาแสดงได้ในทุกที่ รวมถึงการนำภาพสามมิติจากกล้องมาตั้งแทนรูปแบบสองมิติที่นำมาใส่กรอบ เทคโนโลยี วีดีโอคอล ก็อาจกลายเป็นการส่งภาพสามมิติหากันแบบเรียลไทม์

แต่ข้อจำกัดของเทคโนโลยีสามมิติตอนนี้คือ ทำให้สายตาใช้งานหนักมากขึ้น
แม้เพียงเทคโนโลยีแบบสองมิติในปัจจุบันก็ทำให้คนสายตาสั้น สายตาเอียงกันมากอยู่แล้ว
ถ้าสามมิติเข้ามา ก็อาจทำให้คนมีปัญหาสายตามากขึ้น
หรือจริงๆ เทคโนโลยีอาจมีการพัฒนาจนกระทั่งเราสามารถมองเห็นมันได้เหมือนภาพของจริง ที่เราไม่ต้องทำลายสายตาก็เป็นได้
เมื่อถึงจุดอิ่มตัวของเทคโนโลยีสองมิติ คนก็เริ่มแสวงหาเทคโนโลยีที่สูงขั้นกว่านั้นคือเปลี่ยนเป็นสามมิติ
ต่อไปจากสามมิติ ก็อาจเป็นการพัฒนาให้สามารถแสดงสิ่งมีมิติที่สามารถจับต้องได้จริงตามการตั้งโปรแกรมก็ได้
หรือเมื่อถึงจุดหนึ่ง เทคโนโลยีอาจถดถอยกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของมันก็ได้
เมื่อถึงยุคที่เฟื่องฟูมากๆ ก็อาจจะนำไปสู่จุดสิ้นสุด เหมือนอารยธรรมต่างๆ

ถ้าทรัพยากรที่มีอยู่ไม่สามารถตอบสนองการพัฒนาสิ่งของต่างๆมาสำหรับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้ ผู้ผลิตไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นแต่ราคาขายถูกลงเรื่อยๆได้ ก็อาจถึงทางตันได้ในที่สุด

China World Expo 2010 (1) รายละเอียดโดยรวมของการเดินทาง


เมื่อปลายเดือนก.ค.ได้มีโอกาสเดินทางไปงาน World Expo ที่เซี่ยงไฮ้
ระยะเวลาประมาณ 9 วัน  (เดินทาง 2 วัน)
ไปงานวันแรกได้ไปดูพาวิลเลี่ยนจีนและญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็ เข้าพาวิลเลียนทั่วๆไปที่ไม่ต้องต่อคิวนาน เช่นพวก theme pavillionที่ใหญ่โตหรูหราเย็นสบาย
ดูงานสี่วัน เที่ยวเซี่ยงไฮ้ แล้วไปเที่ยวหังโจว โดยจองตั๋วรถไฟระหว่างเมือง เที่ยวละ 54 หยวน

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

  • จองตั๋วเครื่องบิน    ราคาประมาณ หมื่นห้าพันบาท
  • ซื้อตั๋วเข้างาน 3 วัน400 หยวน บวกตั๋วเข้างาน 1 วัน 160 หยวน
  • ขอวีซ่าเมืองจีนที่สถานฑูตจีนแถวเอสพลานาดรัชดา   ค่าวีซ่า 1 พันบาท ระยะเวลาประมาณสามวัน   http://th.chineseembassy.org/th/lsfw/qzxk/
  • จองที่พักโฮสเทลใกล้รถใต้ดิน พักห้องส่วนตัวสองคน   คนละประมาณ เจ็ดร้อยบาทต่อคืน
  • วางแผนการเดินทาง ศึกษาเส้นทางแผนที่คร่าวๆ ค่าใช้จ่าย และข้อห้ามข้อแนะนำต่างๆในการเข้าชมงาน   http://en.expo2010.cn/


แผนการเดินทาง
วันแรก เดินทางกลางคืน  ไปถึงเซี่ยงไฮ้เช้า
วันที่สอง เข้าที่พักและไปจองตั๋วรถไฟระหว่างเมือง รวมทั้งเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย
วันที่สาม เที่ยวงานเอ๊กซ์โปวันแรก
วันที่สี่   เที่ยวงานเอ๊กซ์โปวันที่สอง
วันที่ห้า เที่ยวงานเอ๊กซ์โป วันที่สาม
วันที่หก เที่ยวงานเอ๊กซ์โป วันที่สี่
วันที่เจ็ด  เที่ยวเมืองหังโจว
วันที่แปด  เที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้
วันที่เก้า   เดินทางกลับ

ค่าครองชีพเซี่ยงไฮ้
ราคาอาหาร อยู่ราวๆ สิบกว่าหยวนถึงยี่สิบหยวนถ้ากินข้างทาง ไม่กินหรูหราอะไร
ค่าน้ำ อยู่ประมาณ สามถึงสี่หยวน
ค่าเดินทาง   รถไฟใต้ดินอยู่ประมาณ สองถึงสี่หยวน มีบัตรรถไฟแบบเติมเงินให้ใช้  สามารถใช้จ่ายเงินได้ที่ร้านอื่นๆ รวมทั้งรถเมล์และรถแท๊กซี่ด้วย

3G กับชีวิต

ชีวิตทำงานปัจจุบันของเรา ทำงานเสร็จแล้วก็กลับหอพัก ไม่ค่อยได้ไปไหนมาก
กิจกรรมบันเทิงที่มีก็อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีทีวีเครื่องเล็กๆ และเกมเอาไว้เล่นคลายเหงา
สิ่งที่จะจำเป็นต่อมาก็เป็นคอมพิวเตอร์
พอมีคอมพิวเตอร์แล้วก็อยากเล่นอินเตอร์เน็ตขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
แต่มาทำงานแล้วออกมาอยู่หอใกล้ที่ทำงาน ไม่ได้อยู่บ้านก็ไม่มีเน็ตแรงๆให้ใช้ เลยต้องไขว่คว้าหาเน็ตไร้สายจากมือถือมาใช้งาน
ซึ่งความเร็วก็เทียบไม่ได้เลยกับเน็ตที่บ้าน เปิดเวบอะไรก็ยังพอทน แต่เรื่องโหลดไฟล์ต่างๆ หรือเล่นเกมเฟซบุ๊คนี่สิ รอเป็นชาติกว่าจะโหลดเสร็จ แถวหอก็ไม่มีสัญญาณ wifi กับเค้า
อยู่แถบชานเมือง สัญญาณอะไรก็เข้าไม่ค่อยถึง

พอมีข่าวเรื่อง3G ซึ่งฟังดูเป็นเทคโนโลยีใหม่ ได้ลองดูรายละเอียดแล้วเห็นว่าทำให้เล่นเน็ตได้เร็วขึ้นก็สนใจ
ถามไถ่คนรอบๆตัวก็มีคนใช้ได้ มีสัญญาณอยู่ที่หอด้วย เลยลองไปหาซิมสามจีและโทรศัพท์สามจีมาเล่นดู
ถึงแม้สัญญาณจะไม่แรงมาก แต่ลองเล่นเน็ตแล้วเร็วกว่าedgeที่เคยใช้แต่เดิมมาก จะเล่นวีดีโอ เล่นเกมแฟลช โหลดไฟล์ใหญ่ๆหลายสิบเมก หรือเป็นร้อยเมกก็ไม่ต้องรอนานจนหลับอีกต่อไป


คนอื่นๆจะเห็นว่าสามจีเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่สำหรับเรามันก็แค่เครื่องมือที่ทำให้เล่นเน็ตได้เร็วขึ้น ได้อัพเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆได้ทันที รวมทั้งรับข้อมูลอัพเดตเฟซบุ๊คของเพื่อนและตั้งให้เช็คอีเมลได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ก็ใช้แพคเกจตามจำนวนข้อมูล ทำให้เปิดเน็ต stand by ได้ตลอด ไม่ต้องกลัวชั่วโมงหมด
เพียงแต่อย่าโหลดไฟลใหญ่ๆเยอะจนเกินโควต้าของแพคเกจก็พอ

สามจีปัจจุบันที่เปิดให้ใช้กันก็นับตามจำนวนข้อมูลที่อัพโหลด ดาวน์โหลด แต่ก็ถือว่ายังมีราคาแพงอยู่เมื่อเทียบกับราคาเน็ต broadband ไม่จำกัดชั่วโมงและจำนวนข้อมูลที่ใช้กันตามบ้าน
แต่ถ้าเทียบกับว่าสามารถพกติดตัวไปได้ตลอดและstand by ได้ตลอดตามแต่แบตมือถือจะอำนวย
ก็ถือว่าคุ้มค่า
สามจีของTOTที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ที่พื้นที่ให้บริการยังไม่มากนัก พอออกไปนอกเขตปริมณฑลก็ไม่ค่อยมีสัญญาณ ใช้อะไรไม่ได้
แต่เนื่องจากชีวิตนอกเหนือจากการทำงานแล้ว โดยส่วนมากอยู่หอ ซึ่งมีสัญญาณ และกลับบ้านในกทม.ก็มีสัญญาณเกือบทุกที่ จึงถือว่าสะดวกสบายมากทีเดียว
สามจีก็ถือว่าเหมาะกับชีวิตคนปัจจุบันที่กระแส social mediaกำลังมาแรง เพราะจะไปที่ไหนก็เปิดเน็ตคอยstand by เช็คข้อมูลการแจ้งข่าวอัพเดตของ social media ได้ตลอดเวลา

แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถึงจะมีสามจีของทีโอทีใช้แล้วก็ยังคงต้องมีเบอร์โทรศัพท์ของค่ายมือถือปกติใช้อยู่ด้วย เพราะไม่สามารถใช้งานได้ตลอดทุกที่ยกเว้นว่าจะโรมมิ่งเครือข่ายโทรศัพท์กับ AIS

ตอนนี้ก็รู้สึกขอบคุณที่มีการพัฒนาระบบสามจีขึ้นมาให้ใช้กันได้ ไม่ต้องทนกับเน็ตเอจอืดๆต่อไป

ถ้ามีการประมูลสามจี แล้วมีสามจีใช้กันทั่วประเทศ ก็คงใช้ซิมเดียวที่เป็นทั้งเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ปกติ และเป็นซิมใช้เล่นเน็ตได้ด้วย
คงไม่ต้องเป็นห่วงว่าเวลาเดินทางไปที่ไหนจะไม่มีเน็ตให้เล่น
ตอนนี้ก็คงต้องรอต่อไป