เรื่อง DW นี่มันซับซ้อนจริงๆ คำนวณก็ยาก แล้วก็ต้องมีตัวแปรที่จะเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ
แถมแต่ละโบรกเกอร์ก็ยังกำหนดราคา กำหนดค่าตัวแปรไม่เหมือนกันอีก
เวลาบางโบรกเกอร์ออก DW ทั้ง Call และ Put มา เราก็นั่งดูราคา
บางทีก็เห็นว่าอย่างฝั่ง call ราคาเปลี่ยน ไหงไอ้ฝั่ง Put ที่เป็นรุ่นเดียวกันเป๊ะ ราคามันไม่ขยับ
DW ที่โบรกเกอร์เป็นคนกำหนดราคา ซึ่งเรียกคนที่ดูแลว่า Market Maker หรือจะเรียกอีกอย่าง ก็คือ คนดูแลสภาพคล่อง
บางโบรกเกอร์จะมีหน้าเวบที่ให้เราใส่ค่าไว้คำนวณราคา DW แต่บางโบรกเกอร์ก็จะมีแค่ไฟล์ PDF ที่คอยอัพเดตราคาที่เหมาะสมให้
จริงๆการซื้อขาย DW นี่ถ้ามีคนเข้ามาซื้อขายมากเกินไปจนทาง โบรกเกอร์ ที่ออก DW ตัวนั้นเกิดขาย DW ไปจนหมด ก็ไม่สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม/ราคายุติธรรม (คอยมาตั้ง bid/offer)ได้
เวลาไปสัมมนาเรื่อง DW ก็จะเห็นได้ชัดว่าแต่ละโบรกเกอร์จะพยายามโจมตีเจ้าที่ขายดีที่สุดคือ DWเบอร์ 01 ของบัวหลวง
และจะพยายามบอกจุดดีของตัวเองว่าซื้อกับเขาจะได้ราคาที่เหมาะสม (เพราะไม่มีคนมาเทรดเยอะจนขายไปหมด) และพวกปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคาของ DW อย่าง ค่าเวลา แบบราคาจะลดลงตามเวลาก็จะบอกว่ามีน้อยกว่า และกำหนดค่าความผันผวนไว้ตายตัว ไม่เปลี่ยน
อย่างเจ้าใหญ่อย่างกสิกรและไทยพาณิชย์จะเน้นในเรื่องของความน่าเชื่อถือ
กสิกรก็นำตัวอย่างว่าของบัวหลวง ราคา DW ลงทั้งที่หุ้นแม่ราคาไม่ลงโดยนำกราฟมาให้ดู
(มีการปิดหมายเลยโบรกเกอร์แต่บอกว่าที่นิยมมากที่สุด) และบอกว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อจะมาเอาเปรียบผู้ซื้อ
ส่วนของไทยพาณิชย์มีการนำสัดส่วนตัวแปรที่ใช้คำนวณราคา DW มาเปรียบเทียบแต่ละโบรกเกอร์ให้ดูโดยไม่ได้ปิดว่าส่วนไหนของโบรกเกอร์หมายเลขอะไร
การคำนวณราคา DW เวลาไปเรียนก็รู้สึกมันยุ่งเหยิงไปหมด
และไม่มีใครสามารถให้ค่าตายตัวของแต่ละ DW มาได้เพราะมันจะต่างกันตาม DW แต่ละตัว
และเปลี่ยนไปตามเวลา ตามราคาหุ้นแม่ ฯลฯ
หลักๆที่จะพูดกันในเรื่องการกำหนดราคา DW อย่างง่ายๆ
ก็จะมี มูลค่าที่แท้จริง Intrinsic value , มูลค่าตามเวลา Time decay ,ค่าความผันผวน Implied volatility
อัตราทด Effective gearing ,อายุคงเหลือ
ราคา DW ก็จะแฝง มูลค่าที่แท้จริง(ที่ควรจะเป็นถ้าดูแค่ราคาหุ้น ราคาใช้สิทธิ์) + มูลค่าตามเวลา ซึ่งแปรผันตามปัจจัยอย่างความผันผวน อายุคงเหลือ อัตราทด
เท่าที่ฟังๆมาเขาก็ยังจะ fix ค่าความผันผวน Implied volatility เอาไว้ ถ้าเป็นเมืองนอกจะตามการผันผวนของหุ้นแม่ (ราคาหุ้นอ้างอิง) แบบหุ้นที่ซื้อขายกันเยอะ ราคาขึ้นลงระหว่างวันมาก อย่างถ้าตอนนี้ก็เป็นหุ้น True จะมีความผันผวนมาก ค่า Implied volatility ก็จะสูงตาม
ส่วน Time decay จะทำให้ราคา DW ลดลงตามเวลา ถ้าซื้อแล้วถือยาวก็จะโดนปัจจัยนี้ทำให้ราคาลง
เวลาอายุคงเหลือน้อย (ใกล้หมดอายุ) ก็จะมีปัจจัยนี้เข้ามาแรงมาก โดยเฉพาะช่วงสองสัปดาห์ก่อนหมดอายุ บางที่เขาก็บอกว่าไม่คำนวณ time decay รวมเสาร์ อาทิตย์ บางที่ก็รวม หรือเขาอาจจะคิดเฉลี่ยรวมในราคาที่เปลี่ยนแปลงในวันธรรมดาแล้ว
อัตราทด Effective Gearing เป็นส่วนที่จะมาทำให้เราซื้อน้อยแต่กำไร/ขาดทุนมากเท่าซื้อเยอะ ซึ่งตัวนี้ก็ใช้ดูว่า มันเยอะเกินก็อาจจะดีสำหรับระยะสั้น แบบรู้แนวโน้มชัดเจนจริงๆ เพราะจะทำให้กำไรเยอะ
แล้วถ้าราคาหุ้นแม่ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์(กรณี call) หรือที่เรียกสถานะว่า Out of the money ก็จะทำให้ Effective Gearing นี่สูงไปด้วย
ส่วนเรื่องการขยับของราคา DW จะมีค่า Delta เข้ามาเกี่ยวข้อง
ซึ่งจะนำมาคำนวณว่าหุ้นแม่ขึ้นเท่าไหร่ DW จะขึ้นไปเท่าไหร่ (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ซึ่งDelta นี้ก็ใช้คำนวณ อัตราทด Effective Gearing ด้วย
จริงๆแต่ละตัวแปรมันจะมีผลกระทบกันเองในหลายส่วน อายุคงเหลือน้อยลง อัตราทดก็จะสูงขึ้นด้วย อะไรอย่างนี้ แบบถ้าอันนึงเยอะ อีกอันนึงเยอะตามก็ทำให้ราคายิ่งกระฉูด
บทความก่อนหน้า
สรุปความรู้ที่ได้จากสัมมนา DW ของโบรกเกอร์ต่างๆ(1)
ชื่อบล็อก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อหาหรอก แต่แค่ชอบและมุ่งไปหาสิ่งที่ชอบเหมือนเวลามุ่งไปหารักตามชื่อหนังญี่ปุ่นนั่นแหละ
วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น