วันนี้(12 กันยายน 2557)ไปประชุมผู้ถือหุ้นของ SIRI มา
พบผู้สูงวัยจำนวนพอสมควรที่ถือหุ้นนี้แล้วบอกว่าขาดทุนอยู่
และมีคนเข้ามาพูดคุยกันหลายกลุ่ม แบ่งปันประสบการณ์บรรยากาศดูเป็นกันเองดีถึงแม้ดูเหมือนจะขาดทุนกันอยู่ และก็มีการเตือนกันในเรื่องการลงทุน
อันนี้ก็ดูเป็นเรื่องที่ดีที่ได้มารวมกลุ่มพบปะกัน
คาดว่ากลุ่มต่างๆที่รวมตัวกันอาจจะเคยพบกันมาหลายรอบตามการประชุมแต่ละครั้ง
รู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการคาดหวังให้กิจการกลับมาดี เกลี้ยกล่อมผู้บริหารอย่าขายหุ้น (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะขายหุ้นมาใช้หนี้จากการกู้ยืม (มาซื้อหุ้น?)อีกเมื่อไหร่)
มีคนให้ความเห็นแสดงความเป็นห่วงในกิจการ ผู้ถือหุ้นต่างอยากถามผู้บริหารในหลายๆด้านมากมาย
ทั้งในเรื่องการขายหุ้นของผู้บริหารที่เคยเกิดขึ้น
การนำเงินเพิ่มทุนไปลงทุนอะไร ไปใช้หนี้ อยากให้ระบุให้ชัด
สินค้าคงเหลือที่มีอยู่มีอะไรสัดส่วนเท่าไหร่ ระยะเวลาที่จะขายออกไป
ทิศทางการขยายกิจการต่อไป (ลดสัดส่วนต่างจังหวัด)
เพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ไป ราคาใช้สิทธิ 2.5 บาท วอร์แรนต์จะมีค่าหรือไม่
ค่าใช้จ่ายในการโปรโหมตแบรนด์ จะมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มในอนาคต?
เรื่องการให้สิทธิหุ้นกับพนักงาน (ESOP) ให้โบนัสจะจูงใจพนักงานมากกว่ามั้ย
หลายๆอย่างผู้บริหารก็ไม่ได้ตอบในทันที คือเหมือนให้คนถัดไปพูดเลย
บางอย่างก็ยังไม่มีข้อมูล ต้องให้เจ้าหน้าที่ตอบ และท้ายๆก็เริ่มพูดติดๆขัดๆแล้ว
แบบอยากปิดประชุมแต่คนถามยังอยากถามต่อ
เลยมีหลายคำถามที่เหมือนยังไม่ชัดเจน
รายละเอียดที่รวบรวมมาได้
เรื่องนโยบาย
ต่อไปการวางแผนการเติบโตของเขาก็ไม่ได้จะขยายให้เติบโตมากเหมือนปีก่อนๆ
เนื่องจากมองภาพรวมเศรษฐกิจด้วย
ขยาย 7-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
จะทำให้หนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 1 เท่าในปี 2560
มี backlog ซึ่งจะรับรู้ในอีก 4 ปี
ครึ่งปีหลัง1หมื่น 4 พันล้าน ปีหน้า 23,600 ล้าน
มีการสร้างฐานให้โตมาก่อนหน้า ดังนั้นช่วงปีต่อๆไปอาจไม่ต้องพึ่งให้ยอดขายเข้ามามาก
ใน2ปีที่ผ่านมามีการขยายไปต่างจังหวัดมาก 40 เปอร์เซ็นต์ ใน 13 จังหวัด
40 เปอร์เซ็นต์เป็นบ้านเดี่ยว 15 เปอร์เซ็นต์เป็นทาวน์เฮ้าส์ 45 เปอร์เซ็นต์เป็นคอนโด
ระดับสูง รวม 30 เปอร์เซ็นต์ กลาง 35 เปอร์เซ็นต์ ต่ำ 35 เปอร์เซ็นต์
(จะลดสัดส่วนลงทุนในต่างจังหวัด จาก 40 เป็น 20 เปอร์เซ็นต์)
ไม่เน้นเพิ่มยอดขายให้ก้าวกระโดด แต่ความสามารถทำกำไรเพิ่ม คือรับรู้รายได้ส่วนที่ขายไปเดิม
รวมผู้มีความชำนาญด้านต่างๆ(ก่อสร้าง ออกแบบ จัดซื้อ)ร่วมมือกัน เพื่อลด defect
ลดการใช้วัสดุก่อสร้าง
เพิ่มกำลัง precast
ส่วนกำไรอาจจะไม่สามารถเพิ่มได้มาก เพิ่ม 0.5-1 เปอร์เซ็นต์ใน 3 ปี
ที่ผ่านมามีการลงทุนเรื่องแบรนด์สูง
อ้างว่าจากการสำรวจเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงที่สุดในตลาดอสังหา
(มีคนอ้างประมาณว่าแข็งแรงจริงรึเปล่าเนื่องจากเคยมีปัญหา บ้านร้าว แจ้งซ่อมแล้วไม่มีการติดต่อมา แน่ใจว่าพนักงานดีสมควรได้รับสิทธิ์ (อย่าง esop)? แล้วก็มีข่าวเรื่องยัดโฟม ในคอนโด อะไรอย่างนี้ )
ต่อไปจะไม่ไปลงทุนกับเรื่องแบรนด์เยอะ
ปรับกลยุทธ์ส่วน media ให้มีประสิทธิภาพ
คุมค่าใช้จ่ายการบริหารให้น้อยที่สุด
สร้างมาตรฐาน มีการวัดผล ประเมินพนักงาน
ให้พนักงานทำงาน multitask
ส่วนการเพิ่มทุน
ต้องการทุนเพิ่มเพื่อขยับส่วนรายได้ (จะนำไปใช้หนี้ด้วย ช่วงนี้อาจชะลอลงทุนใหม่ แต่ถ้าจะลงทุนขยายก็จะมีการกู้เพิ่ม)
มีการเปรียบเทียบกราฟพวกรายได้ กำไร ทุนกันระหว่าง 3 รายแสดงให้ดู
สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิมให้ 3 หุ้นต่อ 1 หุ้นใหม่
ราคาใช้สิทธิ์ 1.3 บาท แถม warrant 1หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่
ซึ่งส่วนที่จะแถมนี้เขาก็ใช้คำว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ SIRI w2 ซึ่งจะมีราคาใช้สิทธิ์ที่ 2.5 บาท
ถ้ามี warrantแถมอันนี้ จะเริ่มใช้สิทธิ์ได้อีกปีถัดไป (ธ.ค. 2558)
(ซึ่งก็มีคนท้วงว่าจะมีราคาใช้สิทธิ์ที่ 2.5 บาท วอร์แรนต์ที่เขาออกก็จะยังไม่มีค่าในตลาดเมื่อเข้าเทรด
แบบว่าถ้าราคาปัจจุบันสองบาท วอร์แรนต์มีราคาใช้สิทธิ์ 1.5 บาท เมื่อเข้ามาในตลาดให้ซื้อขายได้ก็จะมีราคา ส่วนต่างกับราคาปัจจุบันได้ 0.5 บาท)
เท่าที่เข้าใจในเรื่องการเพิ่มทุนอันนี้ก็คือ จะได้หุ้นมาเพิ่มในพอร์ทเราก็ต้องไปจองซื้อก่อนตามสิทธิ์ที่จองซื้อได้
อย่างถ้าเดิมมี 100 หุ้น จะมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ คือ 100/3 เท่ากับประมาณสามสิบสามหุ้น จ่ายเงินเท่ากับ 1.3*33 หุ้น เท่ากับ 42.9 บาท
(อันนี้จะจองเกินสิทธิ์ก็ได้)
(เรื่องการจ่ายเงินนี่ก็มีคนท้วงว่าจะจ่ายแบบโอนเงินเหมือนที่อื่นได้มั้ย เป็นเช็คมันยุ่งยาก มีค่าธรรมเนียม แล้วก็เผื่อหาย)
พอไปจองซื้อหุ้นมาแล้วเราก็จะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ siri w2 แถมมา ซึ่งใบอันนี้ก็จะให้สิทธิ์เราจองซื้อหุ้นได้เพิ่มตามจำนวนที่ได้รับสิทธิ์ ในราคาหุ้นละ 2.5 บาท อายุ 3 ปี อีกประมาณปีกว่า เริ่มเอาไปจองซื้อได้(เริ่มตั้งแต่ปลาย ธ.ค. ปี 58- ธ.ค. ปี 60)
คือได้มาอีก 33 หน่วยวอร์แรนต์ นำไปแปลงซื้อหุ้นเพิ่ม 33 หุ้น หุ้นละ 2.5 บาท เป็นเงิน 82.5 บาท
รายละเอียดเอกสารที่ส่งตอนเชิญประชุมหาได้ในเวบไซต์
http://www.sansiri.com/th/investor/meeting.aspx
มีการออกสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี่ให้กับพนักงานด้วย แต่ของพนักงานจะเรียก ESOP ระบุระยะเวลา ห้าปี จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ปีละ 20 เปอร์เซนต์ เท่านั้น ถ้าปีแรกไม่ได้ใช้สิทธิ ปีต่อไปก็สามารถใช้สิทธิ์รวมส่วนของปีแรกได้ เห็นเขาบอกว่าต้องการเหมือนเป็นการจูงใจให้พนักงานอยู่ต่อนานๆ
ตอนแรกก็เข้าใจว่าเขาจะแบ่งให้พนักงานในระดับธรรมดาด้วย
เขาก็ชี้แจงว่าให้อย่างระดับกรรมการบริษัทลูก ไปจนถึงระดับผู้ช่วยผู้จัดการ
อย่างตัวผู้บริหารที่มานั่งที่ประชุมจะไม่ใช่ระดับที่ได้
(ให้ในระดับสูงเพราะคาดว่าจะได้ในเรื่องการจูงใจมากกว่า)
เรื่องคำถามตอบต่างๆก็เห็นมีคนรวบรวมไว้ในพันทิปเหมือนกัน
แต่เราก็มีจดไว้บ้าง เอาที่จำๆได้บ้างมารวบรวมไว้ด้วย
คำถาม คำแนะนำ ความเห็นส่วนตัว
มีคนให้คำเตือนกับคนที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุน ให้คิดดีๆ (เห็นว่าคนพูดรู้จักกับผู้บริหารมานาน)
หลายๆที่จะทำแบบเดียวกันคืออยากให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเลยมีการแจกวอร์แรนต์แถมไปด้วย
แต่ราคาใช้สิทธิ์ที่กำหนดเป็น 2.5 บาทนั้น ถ้าเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 2.04 บาท วอร์แรนต์จะยังไม่มีค่า
ถึงเวลาที่จะใช้สิทธิ์ได้จริงในอีกปีสองปี ก็ไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ warrant ที่ได้มาจะนำไปใช้สิทธิ์ได้คุ้มหรือไม่
เขาก็ถามในเรื่องการปรับสิทธิ์ว่าจะสามารถปรับราคาใช้สิทธิ์ได้ไหม (แบบตามสถานการณ์)
ผู้บริหาร(ประธาน) รีบตอบประมาณว่าที่ประชุมอนุมัติแล้วไม่สามารถเปลี่ยนได้
ก็มีการโวยเหมือนกัน
คนโวยเขาก็เสนอว่าถ้ามีสถานการณ์ก็ให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นและอนุมัติได้
(จริงๆอ่านในใบเอกสารที่เขาให้ก็เขียนทำนองว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนราคาใช้สิทธิ์ได้ภายหลัง)
เขาก็พูดบอกผู้บริหารอย่าขายหุ้นด้วย ให้อยู่ด้วยกันไปก่อน
เรื่องการขายหุ้นผู้บริหารก็เห็นเป็นประเด็นพูดกันมานาน วันนี้ได้มาฟังผู้บริหารพูดเอง
ประเด็นนี้แหละที่ทำให้คนไม่เข้ามาซื้อหุ้นกัน เจอผู้บริหารขายไปก็เงิบกันหมด
เรื่องนี้ที่ทางผู้บริหารที่เป็นข่าวเรื่องขายหุ้น คุณ เศรษฐา ทวีสินชี้แจง
ว่าเขาเคยมีหุ้นมาก แล้วตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็โดนบังคับขาย เห็นเขาว่าเป็นการแปลงหนี้สินเป็นทุน
แล้วหลังจากนั้นเลยมีการซื้อหุ้นกลับมา ยี่สิบเปอร์เซนต์ เพื่ออำนาจในการบริหาร
แล้วมีการขายออกไปเพื่อใช้หนี้
(ที่กู้มาซื้อหุ้น?)
ถ้าต่อไปพร้อมก็จะซื้อกลับมาอีก หรือถ้าผู้บริหารอีกสองท่านจะซื้อก็ยินดี
เรื่องเพิ่มทุนว่าจะเอาเงินไปทำอะไรก็มีคนถามขึ้นมาให้บอกให้ชัดเจน
ผู้บริหารก็ตอบประมาณว่ามีหลายส่วนเลยระบุชัดเจนไม่ได้ว่าเงินก้อนนั้นจะถูกใช้ในส่วนไหน
แบบว่ามีไปชำระหนี้ด้วย แล้วต่อไปก็เผื่อสำหรับการลงทุนเพิ่มในอนาคต
ดูจากยอดขายที่รอโอน (รอที่จะบันทึกการรับรู้รายได้) ก็มีอยู่มากเหมือนกัน เหมือนผู้บริหารบอกว่าผลประกอบการดี แต่ก็มีจุดนึงที่คิดว่าจะมีผลกระทบ คือกรณีคนจองไปแล้วไม่สามารถโอนได้ (พวกที่กู้ไม่ผ่าน หรือเอาใบจองมาคืน) จากข้อมูลที่เขาให้ เห็นว่า ครึ่งปีหลังมีรอรับรู้รายได้ 1 หมื่นสี่พันล้าน ปีหน้าอีก 2 หมื่น3พันล้าน
เห็นว่ามีสินค้าคงเหลือ ประมาณแปดพันล้านซึ่งจะใช้เวลาขายออก 3-4 เดือน ถ้าดูจากยอดขายเฉลี่ย
(ปกติ คงเหลือ สามสี่พันล้าน ระยะเวลาระบาย/ขายออก 1 เดือน)
ในส่วนที่คงเหลือนี่เป็นแนวราบกับคอนโด สัดส่วน คอนโด สี่พันล้าน แนวราบ สี่พันล้าน
กทม.ห้าพันล้าน ต่างจังหวัด สามพันล้าน
ไม่มีนโยบายลดราคาเพื่อปล่อย เป็นการกัน margin ไว้
(มีคนท้วงประมาณว่า เอาไว้อย่างนี้จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้แทนรึเปล่า)
(มีคำถามว่าจะมีวิธีการยังไงถ้า 8 พันล้านนี่ขายไม่ออก)
จุดนี้มีแต่คนยิงคำถามจนเขาเริ่มบอกจะปิดประชุมก่อน เห็นผู้ถือหุ้นกลับๆกันแล้ว
แล้วจะให้เจ้าหน้าที่มาตอบสำหรับคำถามที่ท่านถาม
สำหรับส่วนที่เกิดจากการนำไปจองมาคืน หรือไม่สามารถโอนได้ จึงนำมาคำนวณเป็นรายได้ไม่ได้
เขาก็บอกว่ามีเพิ่มขึ้น
มีคนเตือนว่าลงทุนต่างจังหวัดไม่ง่ายเหมือนในกทม. ที่ปรับนโยบายสัดส่วนต่างจังหวัดลงเพราะเจอปัญหารึเปล่า
เขาก็บอกว่าที่ปรับสัดส่วนลงก็เพราะได้ขยายงานต่างจังหวัดไปมากในช่วงก่อนแล้ว
และจะปรับให้เหมาะกับการเติบโตของกทม.
ผู้บริหารบอกประมาณว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องการลงทุนต่างจังหวัดว่าจะลงจังหวัดไหน เพราะไม่ได้มีการซื้อที่เอาไว้ก่อน อาจจะซื้อไม่กี่เดือนล่วงหน้าที่จะทำ ก็เลยยังไม่สามารถระบุได้ อาจจะแล้วแต่สภาพการณ์
มีการถามเรื่องเพิ่มทุน 4 พันล้าน จะนำไปใช้ลดหนี้เท่าไหร่ สถานการณ์จะดีขึ้นหรือ มีการเสริมสภาพคล่องอย่างไร สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดเหลือเท่าไหร่
ตรงนี้ดูเหมือนเขาก็ยังไม่ได้เตรียมมาตอบ เริ่มจะโยนให้เจ้าหน้าที่ตอบ
ตอนปิดประชุมผู้บริหารก็เดินออกแยกย้าย มีการรวมกลุ่มของผู้ถือหุ้นรวมความเห็นกัน
ทางคนที่พูดเรื่องผู้บริหารขายหุ้นก็เรียกคุณเศรษฐา ย้ำเรื่องให้อยู่ด้วยกันก่อนอย่าขายหุ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกไป
อย่างทางประธานก็เห็นมีการมาคุยกับกลุ่มย่อย
มีคนสงสัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านแบรนด์ อย่างเห็นแสนสิริในพารากอน ก่อนจะแยกย้ายกัน
(เขียนล่าสุด 13 กันยายน 2557 ค่ำๆ)
10 ตุลาคม 2557
วันนี้เจอว่ามีประกาศรายงานการประชุมที่เป็นทางการ ออกมาตั้งแต่ 26 กันยายน 2557
ตามลิงค์นี้
http://www.sansiri.com/th/investor/minute.aspx
27-31 ตุลาคมนี้เป็นวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ตอนนี้ยังไม่ได้เอกสารเรื่องการจองซื้อ