วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รถแดง เชียงใหม่ กับเช่ามอเตอร์ไซค์

รถแดงเชียงใหม่ก็เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าโดยสารที่แพง ไปเชียงใหม่คราวนี้ก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ขึ้นรถแดงเลยเดินจากสนามบินเชียงใหม่เข้าเมืองแวะพักรายทาง  มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ได้เดินดูตามสถานที่ท่องเที่ยวก่อนเข้าที่พักช่วงบ่ายๆ 
เดินไปดูถนนนิมมานตอนเย็น ผู้คนล้นหลาม ดูยามค่ำคืน ก่อนขึ้นรถแดงกลับ  รถแดงคิดราคาไปถึงราชวิถี 30บาท  มีเรานั่งคนเดียว

อีกวันจะไปขนส่งอาเขต เพื่อนั่งรถไปปาย นั่งรถแดงจากแถบที่พัก  เห็นมีรถแดงจอดรออยู่หน้าตลาด ไปสองคนคิดคนละสี่สิบ
ขากลับอีกวัน จากอาเขตเดินไปเที่ยวเซ็นทรัลเฟสฯ รถแดงรับคนจีนมาสี่คน เราไปสองคน กลับที่พัก ถ.ราชวิถี  ตอนแรกเขาคิดคนละสี่สิบบาทแต่น้องที่นั่งไปด้วยคุยกับคนขับไปลงประตูท่าแพ  สุดท้ายเลยคิดคนละสามสิบบาท

อีกวันลองไปดูมอเตอร์ไซค์ให้เช่าในราชวิถี1ใกล้ที่พัก  เขามีรถเกียร์เก่าๆ เติมน้ำมัน95  คิดค่าเช่าวันละ150 มัดจำ 2000 มีหมวกให้สองใบ คิดแล้วก็ดีกว่านั่งรถแดงเยอะ  ดีว่าน้องที่ไปด้วยขี่มอเตอร์ไซค์ได้เลยสบายไป
รถที่เช่าน้ำมันเหลือน้อยมาก
คนที่ร้านเช่าบอกให้เราเติมน้ำมันร้อยนึง  ทั้งที่เราบอกว่าไปแค่สวนราชพฤกษ์ที่เคยจัดพืชสวนโลก   พอเติมเต็มจริงๆไม่ถึงร้อย  เกือบเก้าสิบก็ล้นละ  วิ่งไปวิ่งกลับน้ำมันก็ยังเต็มอยู่ เหมือนร้านเช่าอยากให้เติมน้ำมันให้เขาเยอะๆ

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น UV

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.57 บริษัทยูนิเวนเจอร์จัดประชุมผู้ถือหุ้นที่ตึกสาทรสแควร์ รายละเอียดมีเรื่องการขายสิทธิการให้เช่าที่ตึกสาทรสแควร์กับที่ปาร์คเวนเจอร์  ให้กับกองทุนอสังหาฯ นำเงินมาชำระหนี้ และเหลือเงินสดส่วนหนึ่งไว้ลงทุน จะมีบริษัทลูกคือGOLDเข้าไปถือกองทุน 30%และมีบริษัทลูกเข้าไปบริหาร 

คราวนี้ก็ไปประชุมแทนคนอื่นอีก
ตึกสาทรสแควร์ก็อยู่ตรงรถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรีไปทางรถไฟฟ้าสะดวกดี เวลาจะเข้าตึกก็มีโต๊ะตั้งแจกบัตรvisitorให้ผู้ถือหุ้นไม่ต้องแลกบัตรประชาชนก่อนขึ้นตึก  แตะบัตรเข้าไปที่โซนที่ขึ้นลิฟท์ ในบัตรจะจำกัดสิทธิ์ไว้  และต้องแตะบัตรกดลิฟท์ว่าไปชั้นไหนก่อนเข้าไปในลิฟท์

ห้องประชุมเต็ม มีบางคนนั่งอยู่แต่ด้านนอก  แต่เห็นเขาว่ามีเตรียมห้องสำหรับถ่ายทอดอยู่เหมือนกัน  ประชุมจนถึงเที่ยง และมีบริษัทลูกคือGOLD  ประชุมต่อตอนบ่าย  แต่ไม่ได้มีหุ้นเลยไม่ได้เข้า

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อยุธยา

อาทิตย์นี้ไปทำงานที่โรจนะ ที่อยุธยามา รู้สึกว่านวนครติดสุดแล้ว โรจนะก็ว่าน่าจะหนาแน่นก็ไม่เท่าไหร่

ขาไปช่วงเช้า พอพ้นนวนครมารถก็ไม่ติด วิ่งประมาณสิบกว่านาทีก็ถึงตรงหน้าโรจนะ   แถวหน้าโรจนะก่อนถึงแยกเข้า โรจนะ B มีวัดคานหาม (อยู่ใกล้คลองเพลง 5) ตรงนั้นมีรถจอดกันเยอะๆ เลยลองเข้าไป ก็เป็นตลาดมีของขาย แบบตอนเช้าก็ไปหาของกินได้ มีพวกเซเว่นอะไรด้วยเลยแวะตรงนั้นเพราะสะดวกดี แต่ลองเดินไปเจอข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่ได้ซื้อ ไปซื้อข้าวเหนียวหมูแบบห่อกระดาษ เห็นห่อละ 10 บาท แต่ก็ให้น้อย ไม่อิ่มต้องซื้อสองห่ออยู่ดี
ไม่เหมือนแถวแฟลตที่นวนคร 15 บาทได้เยอะดี  วันนี้ลองกาแฟถุงกระดาษ 25 บาทด้วย รู้สึกว่าตรงนี้ก็ราคาเหมือนในเมือง  แต่ในโรจนะไม่เหมือนในนวนครที่มีของกินขายข้างทางมาก ก็เลยต้องแวะซื้อตรงนี้

ช่วงเจ็ดโมงกว่าที่ไปถึงก็มีรถเยอะ จะติดตรงช่วงแยกที่รอเลี้ยว แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็ไม่ติด
ตอนเย็นขาออกก็มีรถพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ติดมาก รอไฟแดงตรงแยกโรจนะ B เลี้ยวขวาออกมาแล้วตรงไปถนนสายเอเซียเข้ากทม.ก็ไม่ติด  จะไปติดตรงแถบนวนคร

ช่วงเช้า ถ้าออกจากในกทม. ขึ้นทางด่วนก่อนหกโมงครึ่ง ไปทางด่วนแจ้งวัฒนะ ที่ต่อกับอุดรรัถยา ก็ไปถึงแถวบางปะอินลงทางด่วนราวๆเกือบเจ็ดโมง  แบบขับไม่ได้เกิน 120  ไปถึงแถวหน้าวัดคานหามก็ ประมาณเจ็ดโมงสิบห้า
ค่าทางด่วน เจอ สามด่าน ตรงทางขึ้นที่หัวลำโพง 50 บาท   แถวใกล้เมืองทอง 10 บาท ตรงทางลงบางปะอินอีก 55 บาท

ช่วงวันแรกๆลองไม่ขึ้นทางด่วนแล้วไปติดตรงนวนครนานน่าจะประมาณสิบกว่านาที ขนาดไปถึงแถบนวนครก่อนเจ็ดโมง หลังๆเลยขึ้นทางด่วนไปตลอด


2022
รถแถวนวนครเริ่มติดแบบทุกเลนในทางหลักตั้งแต่หกโมงสี่สิบ(เช้า)
รถชะลอตรงทางที่จะออกไปทางคู่ขนานก่อนเข้านิคม

สะพานแถวช่วงเลยห้างอยุธยาซิตี้พาร์คไปหน่อยนึงที่เป็นสะพานเข้าไปทางโรจนะวิ่งๆไปแล้วช่วงลงสะพานเลนจะหายไปหนึ่งเลน ทั้งจากสายเอเชียเลี้ยวขวาเข้าเส้นโรจนะและจากโรจนะตรงเข้าไปทางเมืองอยุธยา
ถ้าวิ่งเลนซ้ายสุดแบบเพิ่งเคยมาตรงนี้บางทีไม่สังเกตอาจจะเกิดอุบัติเหตุ
เพราะต้องเบี่ยงออกขวากะทันหันโดยไม่มีสัญลักษณ์บอกล่วงหน้าว่าต้องเบี่ยง

บางทีวิ่งเลนกลางบนสะพานก็ต้องคอยสังเกตรถที่วิ่งเลนซ้ายสุดที่ไม่รู้ว่าเลนตัวเองจะหายไปแล้วเบรคไม่ทัน

ส่วนฝั่งจากอยุธยาเข้าเมืองตรงบางปะอิน เลนตรงไปทางแถบประตูน้ำพระอินทร์-นวนคร  ตรงแถวทางแยกที่มีสะพานเลี้ยวขวาไปทางด่วนเข้ากทม.  (ทางหมายเลข 9 ที่ไปบางบัวทองและทางด่วนอุดรรัถยา ที่ขึ้นแล้วไปทางลงในเมืองทอง ต่อทางด่วนไปถึงแถวหัวลำโพงได้)
ก็มีเลนซ้ายหายหนึ่งเลน

พอขึ้นสะพานไปเพื่อไปแถบประตูน้ำพระอินทร์-นวนคร  
หลังจากลงสะพานแล้วชิดขวาเข้าทางหลักสักพัก เลนซ้ายของทางหลักจะหายไป


(ตรงทางลงทางด่วนโทลเวย์ลงตรงรังสิตก็มีเลนหายไปช่วงตรงสิ้นสุดทางด่วน เป็นช่วงที่จะลงสะพาน)

ในนิคมโรจนะจะมีทางทะลุถึงกันได้ จากโรจนะบีทะลุเข้าโรจนะเอ และจากโรจนะเอมีทางไปโรจนะซี
แต่ทางลัดตรงโรจนะบีกับโรจนะเอไม่เหมาะกับรถขนาดใหญ่
ถ้ามาจากทางสายเอเชียผ่านหน้าอยุธยาซิตี้พาร์คแล้วขึ้นสะพานเลี้ยวมาทางโรจนะ จะถึงโรจนะบีก่อน ถ้าจะไปโรจนะเอต้องรอไฟแดงนาน ถ้าบริษัทอยู่ด้านในๆโรจนะเอ เข้าไปทางลัดจากโรจนะบีเข้าไปอาจจะเร็วกว่า
และตอนเลิกงานถ้าออกทางโรจนะเอจะรอนาน อาจจะลัดไปออกทางโรจนะซี หรือบี

ด้านหน้าประตูโรจนะเอจะมีร้านค้าต่างๆอยู่ แต่ไม่เคยเข้าไปใช้บริการเพราะเวลาเข้าโรจนะเอจะเข้าผ่านทางลัดจากโรจนะบีไป แต่ตรงหน้าโรจนะเอถ้าเข้าจากด้านหน้าจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดรถตรงนั้นได้ 
แต่เวลาออกจากโรจนะเอ จะเลี้ยวกลับไปใช้บริการร้านค้าไม่ได้

ถ้าเข้านิคมจากประตูซีก็ลัดไปเข้าโรจนะเอ โรจนะบีได้ แต่ต้องดูเรื่องกลับรถ ถ้าบริษัทอยู่แถวๆหน้าประตูนิคมอาจจะกลับรถเข้าไปไม่ได้

ตรงทางเข้าประตูซีก็มีชุมชน มีร้านข้างทางให้ซื้อแต่จอดริมถนน
ทางออกจากประตูซีจะมีสะพานข้ามแยก จากประตูซีเข้าประตูดีก็สะดวก แต่ถ้าออกจากประตูซีเลี้ยวขวาแล้วตรงไปจะไปเลี้ยวซ้ายเข้าสายเอเชียจะรอไฟแดงเลี้ยวขวาตรงประตูซีนาน


ที่พักแถวนิคม
แถวๆก่อนถึงประตูบีก็มีหอพักแต่ที่จอดรถก็จำกัด
ถึงจะมีคนขับเข้าออกตลอดแต่ถ้าเข้าไปช้าก็หาที่ยาก
เสียค่าจอดรถเพิ่มจากค่าหอ
สัญญาพักอาศัยบางที่ต้องอยู่ถึงหกเดือนและเซ็นสัญญาทุกหกเดือน
บางหอก็มีคนอยู่เต็มตลอดโดยเฉพาะหอที่สะดวกสบาย
บางหอก็ไม่มีที่จอด เห็นบางที่ไปจอดรวมๆกัน
บางที่บริเวณที่คนอยู่เยอะใกล้ห้างถ้าเข้าไปในซอยบางทีต้องดูการจราจรในซอยช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะเข้าออกไม่ได้
หอเก่าๆคนอยู่น้อยอาจจะมีที่จอดมากกว่าสามารถอยู่ระยะสั้นได้แต่สภาพทรุดโทรม
ถ้าพักในตัวเมืองอยุธยาก็มีของกินเยอะแต่ถ้าคนอยู่เยอะสภาพการจราจรอาจจะหนาแน่น
ที่พักอาจไม่มีที่จอดรถก็ต้องอาศัยจอดริมทาง

ข้อควรสังเกต
บางหอพักอาจจะเป็นหอพักพนักงานบริษัทใหญ่
อาจจะมีกลุ่มคนรวมตัวกันเวลามีกิจกรรมบริษัท
หรือถ้าอยู่ห้องบริเวณที่ตรงข้ามกับหอพักบริษัทอาจจะมีพวกกลุ่มพนักงานชายห้องตรงข้ามรวมตัวกันบ้าง เป็นต้น

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไปปารีสมาแล้วรู้สึกว่าเป็นเมืองที่ไม่น่าเที่ยว

เท่าที่ไปยุโรปเองอย่างเมืองต่างๆในเยอรมัน กรุงเชก(ปราก) โคเปนเฮเกน(เดนมาร์ก) ปารีส(ฝรั่งเศส) ออสโล (นอร์เวย์) ก็รู้สึกว่าเมืองใหญ่ๆมันแออัดและเร่งรีบมีผู้คนเยอะตลอดโดยเฉพาะเวลาเร่งรีบ

อย่างปารีสเองเวลาไป(เราไปช่วงเมษาปีนี้) ก็เจอผู้คนแออัด นั่งรถไฟก็มีคนอัดแน่นเต็มรถ รวมทั้งรถราง ไปถึงขึ้นรถไฟรถรางราวๆสี่โมงเย็นก็แน่นขนัดไปหมด แถมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาก รวมถึงมีคนที่ตั้งใจจะมาหาประโยชน์ในเมืองนี้เยอะเหลือเกิน

ช่วงนี้เห็นโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินปารีสนี่ก็มีเข้ามา เลยนึกถึงตอนที่ไปปารีส แต่ถ้าจะไปอีกคงเลือกที่จะไม่ไปปารีส เพราะไม่ใช่คนที่จะไปซื้อพวกกระเป๋าหลุยส์อะไรพวกนี้ ถ้าเป็นไปได้ไปลงปารีสแล้วจะต่อรถไปเมืองอื่นเลยแบบบ้านนอกของฝรั่งเศสก็ได้ที่สงบกว่าปารีส

จริงๆการได้ไปดูอย่างพวกหอไอเฟล นอเตรอดาม พิพิธภัณฑ์ลูฟ โบสถ์ซาเครเคอร์ อะไรก็น่าจะเป็นไฮไลต์ของการมาชมปารีส แต่มันแลกกับการที่เราฝ่าฟันพวกที่เข้ามาหาประโยชน์ในกรุงปารีสเข้าไปด้วยเลยทำให้ต้องเสียอารมณ์ในการเที่ยวไปเยอะ

อย่างหอไอเฟลก็มีคนดำขายของตามทางทั่วไป ยังดีว่าคนดำตรงนี้ไม่เดินเข้ามาหา มายื่นอะไรให้เรา แต่ก็ทำให้ต้องเดินอย่างระมัดระวังมาก และที่พิพิธภัณฑ์ลูฟเองตอนที่เดินอยู่แถบรอบๆนอกกำแพง เจอพวกที่เดินตื้อขอให้เราเซ็นในแผ่นอะไรของเขาซึ่งเคยอ่านๆมาแล้วว่าคนอื่นก็เจอเหมือนกัน พยายามปฏิเสธและเดินหนีแล้วแต่เขาเดินตามแถมเข้ามาจับแขนเราซึ่งเราก็ใส่เอกสารสำคัญไว้ในเสื้อเลยไม่ชอบที่เขาจะมาจับตัวเรา  อย่างโบสถ์ซาเครเคอร์แถบมงมาร์ตมันก็สวยดีแต่ก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปมันแยกทางเป็นซ้าย-ขวา แล้วมีมุมที่มีคนดำซ่อนตัวอยู่พยายามจับข้อมือเราที่เดินเข้าไปคนเดียว อย่างที่เคยอ่านเจอว่าเขาจะเอาด้ายมาพัน เรารีบสะบัดออก แล้วเดินไป แต่ก็ทำให้เรากลัวที่จะเดินกลับลงไปเจออีก

ที่ถนนช้อปปิ้งก็ไม่ได้เจออะไร เดินเล่นดูตามร้านไปกับเพื่อนชาวต่างชาติที่เจอในโฮสเทล และตอนที่อยู่ในลูฟเราเจอป้ายระวังขโมย แต่เราระวังตัวอยู่แล้วไม่วางอะไรตอนถ่ายรูป ระวังตลอดไม่เจออะไร
ตอนที่ขึ้นรถใต้ดินไม่เจออะไร จริงๆก็ควรพยายามเลี่ยงจุดที่คนแน่นๆเอาไว้ และขึ้นรถในเวลาที่ไม่ค่อยมีคนแน่นขบวน แต่ก็ยังมีคนน่าจะเป็นแบบขอทานที่ขึ้นมาร้องเพลงถึงในขบวนรถไฟทั้งที่เมืองนี้ก็มีที่กั้นตลอดเวลาเข้าออกสถานี ซึ่งเราก็เห็นคนปีนเข้าบ้างเหมือนกัน
อย่างตอนที่ขึ้นรถรางก็ยังโชคดีที่เราไม่มีสมบัติอะไรมาก ถึงมันจะพยายามกรีดซิบล้วงเศษเหรียญของเราแต่ก็ไม่ได้ถุงเหรียญไป

ทั้งหมดนี้ทำให้การเที่ยวต้องระมัดระวังตลอด จริงๆปารีสนี่ก็คิดว่าคงไม่เท่าพวกที่ไปอิตาลีแล้วเอาประสบการณ์มาเล่าแบบสุดๆมั้งนะ  อิตาลีก็เป็นอีกที่นึงที่อยากไป แต่ก็ไม่รู้ว่าไปจริงๆแล้วจะประทับใจหรือระแวงผู้คนมากกว่าสนุกกับการเที่ยว ทำให้รู้สึกว่าเราควรจะไปเที่ยวเมืองเล็กๆที่เราเดินชิวๆ ถ่ายรูปมุมสวยๆ อาจจะไม่เป็นไฮไลต์ใหญ่ระดับประเทศแต่มันได้อารมณ์เพลินๆดีนะ

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไปจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน N-park มา

เมื่อวานไปจองหุ้นเพิ่มทุน N-Park มีตัวแทนรับจองที่ตึกเมอร์คิวรี่ตรงข้ามเซ็นทรัลชิดลม
ของ N-Park สามารถโอนเงินที่เคาน์เตอร์ธนชาติได้และเอาใบโอนไปยื่น
 ไปวันท้ายๆพอดี เขาก็แปะป้ายชัดเจนที่ชั้น 1 ว่าไม่รับเช็คแล้ว

ก่อนขึ้นไปชั้น 5 เขาจะให้แลกบัตรเหมือนเข้าตึกออฟฟิศทั่วไป และเอาบัตรไปแตะตรงทางเข้าก่อนไปที่ลิฟต์
 และไปถึงข้างบนเขาแปะป้ายว่าไม่รับถ่ายเอกสาร (คือต้องมีสำเนาบัตรประชาชนไป ถ้าเอาตัวจริงไปอย่างเดียวเขาต้องไปถ่ายอีก)
ตรงตึกเมอร์คิวรี่ชั้นล่างมี ร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 อยู่  เดินเข้าไปมีเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ใกล้ประตูอีกฝั่ง แต่ถ้าจะใช้เครื่องต้องให้พนักงานมากดพาสเวิร์ด ถ่ายบัตรประชาชน หน้า-หลัง 2 บาท

ที่ชั้น5จะมีโต๊ะตรวจเอกสารและรับบัตรคิวก่อนเข้าไปยื่นเอกสาร
ครั้งนี้ก็จองเกินสิทธิ์ไป และเลือกรับเป็นเช็คคืนถ้าไม่ได้ตามสิทธิ์

สัมมนา รีเสิร์ซชวนเม้าออนสเตจ โดย ฟินันเซียไซรัส


เมื่อวันอาทิตย์ 19 ต.ค. 2557 ไปดูสัมมนาในโครงการ your 1st stock ซึ่งเป็นหัวข้อ
รีเสิร์ซชวนเม้าออนสเตจ  Mega trend ตามรายละเอียดในโปสเตอร์ข้างบน

ไปสายเพราะตื่นสายเลยได้ดูเริ่มช่วงที่ 2 รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องเทรนด์โดยรวม
แต่ไว้ดูวีดีโอย้อนหลังเอาละกัน

ช่วงที่ 2 เปิดบ้านเม้าเรื่องหุ้น
คือฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเรื่องเจาะรายละเอียดของแต่ละอุตสาหกรรม แต่ละบริษัทและเขาเอานักวิเคราะห์ที่เน้นดูข้อมูลแต่ละอุตสาหกรรมมาทำให้มีข้อมูลละเอียดของแต่ละบริษัท ซึ่งฟังๆที่เขาพูด เทียบกับบางบริษัทที่เราไปฟังประชุมผู้ถือหุ้น เยี่ยมบริษัทมามันก็ตรงแหละ เลยรู้สึกว่าเขาศึกษาจริงไม่ได้มาพูดเชียร์มั่วๆให้เราซื้อหุ้นหรือเปิดพอร์ตกับเขาอย่างเดียว

คร่าวๆเรื่องที่พูดในสัมมนา

มีเรื่องโครงการต่างๆที่เกิดจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะมีการเร่งเบิกงบประมาณ
อย่างโครงการรถไฟฟ้า
แต่ส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
สินเชื่อที่จะเติบโตต่อไปเป็นสินเชื่อเอกชน สนับสนุนโดยรัฐบาล

ธนาคาร กำไร 2015 น่าจะมาจากการเติบโตของสินเชื่อ
ที่มีการเติบโตดีที่สุดจะเป็น TMB มีความสามารถในการสร้างรายได้ ดีขึ้น ส่วน SME , retail
ส่วนต่างดอกเบี้  ค่าธรรมเนียม ทำได้ดี  ปรับลดค่าใช้จ่าย
Kbank จะมีกำไรเติบโตดีที่สุด  สามารถบริหารส่วนต่างของดอกเบี้ยได้ดี  ค่าธรรมเนียมดีขึ้น

น้ำมันโดยเฉลี่ยราคาลงตลอด 3 ปี
เรื่อง supply/demand
ผู้ผลิตน้ำมันมีมาก ซาอุ อิรัก ลิเบีย แถมอเมริกาก็ผลิตน้ำมันเองและส่งออกได้

ส่วนปตท. ไม่มี new capacity ไม่ได้ลงทุนเพิ่ม  ขาดทุนเรื่องราคาน้ำมัน แต่ที่ราคาหุ้นไม่ลงเพราะมีเรื่องแก๊ส ว่าขึ้นราคา กำไรเพิ่ม  แต่กลุ่มปตท.มีบริษัทลูกที่อาจดึงเรื่องกำไร

พลังงานทดแทน ยังไงทางรัฐบาลก็ส่งเสริม

สิ้นปีก็จะรู้ว่าใครได้สัดสวนเท่าไหร่  กำไรสำหรับส่วนพลังงานแสงอาทิตย์ 10 ล้านบาทต่อเมกกะวัตต์ ส่วน ลม 6 ล้าน  ไบโอแมส แล้วแต่ราคาวัตถุดิบ

ส่วนของพลังงาน ไม่ใช่ส่วนหลักที่นำตลาดสูงขึ้นมาในคราวนี้แต่เป็นกลุ่มแบงค์ที่ขึ้้นมาเยอะ
ยังมีโอกาสที่กลุ่มพลังงานจะขึ้นมานำตลาดอยู่


รับเหมา  ส่วนที่เป็น backlog จะมีผลต่อรายได้,กำไร
ITD 2 แสนล้าน  CK ประมาณ แสนล้าน
เรื่องการประมูลในปีนี้ยังไม่ค่อยมี
ITD มีรับที่โมซัมบิกเป็นยอดใหญ่  มีงานใหม่แต่น้อย 8600 ล้าน
CK  มีจาก TTW  2900 ล้าน
STEC sign 3 พันล้าน  แต่ปกติแต่ละปีหมื่นล้าน

รายได้ยังอาศัย backlog จนกว่าจะมีงานใหม่
จะต่างกันที่ค่าใช้จ่ายการบริหาร  ดอกเบี้ยจ่าย
ที่ Backlog ต่ำแต่มีมาร์จิ้นดีไม่มีดอกเบี้ยจ่ายคือ STEC  รองลงมาคือ CK แต่ของ ITD ผันผวน
มีต่างประเทศเยอะ  มีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ผันผวนมาก  กำไรยังไม่ไปพร้อมราคาหุ้น
มีโครงการที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาแต่หุ้นขึ้นแล้ว

(เขียนล่าสุด 22 ตุลาคม 2557)



วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ซื้อไอโมบายดิจิตอลทีวีมาลองดู IQ510

เมื่ออาทิตย์ก่อนๆมีงานมือถือที่ศูนย์สิริกิตต์เลยกะไปหามือถือใหม่ราคาประมาณ 5 พัน มาแทนอันเดิมที่เม็มเต็ม หัวชาร์จหลุดมาหลายรอบ อันเก่าก็เป็นไอโมบายที่ดูทีวีได้ แต่เป็นแบบอนาล็อค ประมาณ 5 พันกว่าเหมือนกัน

เล็งๆอยู่ว่าอยากได้แบบทีวีดิจิตอลมาดูรายการต่างๆระหว่างนั่งรถไปไหนแบบไม่ใช้เน็ต เคยไปลองๆดูละทีวีอย่างชัด  หลังจากที่พยายามหาวิธีดูทีวีในรถให้ชัดมาตลอด ในที่สุดก็มีทีวีดิจิตอลนี่แหละที่ตอบโจทย์ เพราะถ้าดูผ่านเน็ตบางทีก็สัญญาณแรงบ้างไม่แรงบ้าง แถมใช้เกินก็คิดตังค์เพิ่ม
คราวก่อนมีงานไอทีก็ไปลองๆดู รุ่นที่เขาเอามาให้ดูเม็มยังแค่ 4 กิ๊ก 5พันกว่า เลยไม่เอาเพราะเหมือนอันเดิม เดี๋ยวก็เต็มอีก

คราวนี้มาดูอีกก็เจออันที่ 8 กิ๊กคือ IQ510 นี่ พอมีที่ว่างลงแอปอะไรได้หน่อยและเป็นทีวีดิจิตอลที่อยากได้ รวมถึงแถมก้านเซลฟี่ที่กำลังอยากได้และแบตสำรองpower bank เพิ่มอีก

ซื้อเสร็จก็เอาละ ลืมถามเรื่องซิมตั้งแต่แรก นึกได้ตอนซื้อเรียบร้อยเขาเอาซิมไอโมบายขนาดเล็กมาให้ใช้
( ซิมเดิมที่ใช้เล่นเน็ตเป็นของ iec 3g แบบขนาดธรรมดา)
หลังจากนั้นเลยเสิร์ซหาดูว่ารับเปลี่ยนไมโครซิมมั้ย ก็เห็นว่าเขารับตัดซิมแต่ต้องไปถึงตึกเขาซึ่งก็ไกล
เลยตัดซิมเองซะเลย ดูๆเอาจากเวบ เขาก็มีวิธี ใช้คัดเตอร์ตัดธรรมดาๆ เพราะแผ่นซิมส่วนที่ต้องตัดเป็นพลาสติก วัดขนาดจากซิมไอโมบายที่เขาเอามาให้ใช้นี่แหละ
ตอนไปซื้อเขาก็มีคนมาเชียร์ใช้ใช้เน็ตไอโมบาย
แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นไอโมบายก็เสียดายโปรโมชั่นเดิม เน็ต 2กิ๊ก 214 บาท
เท่าที่เคยใช้ไอโมบายมันคงไม่ได้มีโปรถูกมาก

คราวนี้ เอามาลองใช้ดูยังไม่ใส่การ์ด sd ลองกดดูว่าสามารถทำ app2sd ได้รึเปล่า แบบอันเก่ามันทำได้แค่ย้ายลงเม็มในตัวเครื่องส่วนที่ไว้สำหรับเก็บไฟล์  ส่วนอันนี้ ลองแบบไม่ใส่ sd ย้ายแอปลงเมมในตัวเครื่องไม่ได้

ตรงส่วนที่ใช้เก็บแอปก็มีที่ว่างอยู่ไม่มาก
สำหรับเครื่องนี้สิ่งที่หวังก็คือ ดิจิตอล ทีวี ที่เก็บแอปเยอะขึ้น และ แอปทูเอสดี นี่แหละ

ที่ดูดิจิตอลทีวีถ้ามีสัญญาณก็ชัดดี ถ้าสัญญาณน้อย ภาพก็จะเหมือนมีสัญญาณแทรก
ไม่มีสัญญาณก็ขึ้นว่า ไม่มีสัญญาณ อย่างชัดเจน ไม่เป็นแบบซ่าๆเหมือนโทรทัศน์อนาล็อคปกติ
เสาอากาศของตัวเครื่องก็เล็กๆไม่สามารถรับสัญญาณในตึกกรณีอยู่ชั้นล่าง อยู่ในรถบางทีก็ต้องไปใกล้กระจกหน่อย

เท่าที่ใช้มา ก็ยังมีปัญหาเรื่อง SD การ์ด เหมือนเดิม ตอนเอาอันใหม่มาใส่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้
เอาไฟล์ใส่ไม่ได้ เลยเอาไปฟอร์แมตในคอมก็ดูได้ สามารถย้ายแอปลงใน sd card ได้แต่น้อยมากที่จะขึ้นให้สามารถกดย้ายได้
และใช้ๆไปบางทีก็จะอยู่ๆไม่เจอ sd card คือเห็นว่ามี sd card แต่กดเข้าไปดูข้อมูลเป็น 0 kb
ลองอ่านๆดูในเน็ตก็เห็นมีบอกว่าเป็นหลายรุ่นในไอโมบาย แบบว่าถ้าใส่เอสดีการ์ดไปแล้วอย่าถอดออกมา  จริงๆ ช่องที่ใส่มันก็หลวมหน่อยๆ แบบขยับได้ ไม่รู้ถ้าขยับอาจจะผิดปกติไป
มีครั้งนึงที่อยู่ๆก็เออร์เร่อ อ่านเอสดีการ์ดไม่ได้ซะที เปิดปิดเครื่องหลายครั้ง ขยับไปมาอยู่นาน เอาออกมาฟอร์แมต ใส่เข้าไปอ่านได้ เลยไม่ถอดออกมาอีก แต่ก็มีบางครั้งที่ไม่อ่านก็ปิดแล้วเปิดใหม่ก็อ่านได้


เวลาเปิดดิจิตอลทีวี เปิดแอพมารอบแรกจะขึ้น error ก่อน เปิดอีกทีนึงถึงดูได้ ไม่รู้เป็นอะไร

ฝาหลังรุ่นนี้มีปุ่มด้านข้างติดอยู่ด้วย พอถอดฝาหลังแล้วจะกดปุ่มก็ต้องคลำๆเอา

ไว้ค่อยอัพเดตถ้าเจอปัญหาอะไรอีก
ว่าแต่รุ่นนี้เมม 1 กิ๊ก เลยเล่นเกม ซิมส์ ที่เป็นอัน free play ได้ด้วย แรกๆก็ลื่นดี พอหลังๆโหลดอะไรเข้ามาเยอะเลยมีชะงักบ้างบางจังหวะแต่โดยรวมก็ยังลื่น
(หลังๆเล่นไม่ได้แล้วเหมือนมีปัญหาเวลาเอาเกมไปเก็บในเอสดีการ์ด มีปัญหากับเอสดีการ์ด เหมือนเกมเพี้ยนไปเลยเปิดเล่นไม่ได้)

เกมที่ติดมากับเครื่อง บางอันเป็นเวอร์ชั่นทดลองเล่น แบบเปิดเข้าไปแล้วเล่นได้ไม่กี่นาที ถ้าจะเล่นต่อต้องซื้อ

อีกอย่างเวลาขึ้นเมนูมาให้เลือกประมาณตกลงหรือยกเลิก ปุ่มภาษาไทยที่ขึ้นมาเป็นปุ่มยกเลิกทั้งสองปุ่ม ต้องเลือกอันขวาถึงจะเป็นตกลง

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดูสัมมนาหุ้นออนไลน์

เดี๋ยวนี้ดูตามเวบก็มีสัมมนาออนไลน์หลายที่อยู่ มีทั้งแบบชมสดและย้อนหลัง
บางทีเดินทางไปดูสัมมนาก็ใช้เวลาและเสียค่าเดินทาง
ดูออนไลน์ก็สะดวกดี  แต่ก็แล้วแต่ความสามารถเครื่องคอมด้วยเหมือนกัน คอมเก่าก็ดูแล้วกระตุกๆ
ลองลิสต์ลิงค์วีดีโอสัมมนาที่เคยเข้าไปดูออกมาตามนี้


ของตลาดหลักทรัพย์

โครงการ your 1st stock สำหรับมือใหม่
http://www.set.or.th/yourfirststock/workshop.html

TSI
http://www.tsi-thailand.org/onlineseminar

รายการ Money Talk
http://www.youtube.com/user/MoneyTalkChannel

ของโบรกเกอร์
บัวหลวง : bualuang i channel
http://itrading.bualuang.co.th/BualuangiChannel  (มีแบบดูสด ตามกำหนดรายการ)
http://www.youtube.com/user/BualuangiChannel

กิมเอ็ง
http://www.maybank-ke.co.th/thai/seminar/clip_seminar.html
http://www.maybank-ke.co.th/tv_2/index.asp?SelCh=F


วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เยี่ยมชมกิจการ IRPC 9 ตุลาคม 2557


เมื่อวาน 9 ตุลาคม 2557 ไปชมกิจการ IRPC ที่ระยอง
คนไปเยอะเหมือนกัน ประมาณ 400 คน รถบัส 10 คัน (จากที่สมัครพันกว่าคนสุ่มมา)
เขานัดตั้งแต่เช้า 6 โมง 15 เริ่มลงทะเบียน เลยรีบไปตั้งแต่เช้ามืดยังไม่ 6 โมงเช้า

เข้าไปก่อน 6 โมง เจ้าหน้าที่ยังไม่พร้อมรับลงทะเบียน
แต่ก็มีที่นั่งให้นั่งรอก่อน
มีคนมาก่อนหลายคนเหมือนกัน ตื่นเต้นกัน นอนไม่ค่อยหลับต้องไปแต่เช้า

6 โมง 15 เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียน 7โมงหน่อยๆกว่ารถจะออก
ส่วนใหญ่ก็นั่งในรถ เพราะต้องไปถึงระยอง

ไปฟังเรื่องกิจการ ฟังผู้บริหารพูดที่ตำนานป่า และกินข้าวกลางวันที่นั่น
ได้ไปชมกิจการก็คือนั่งรถวนเข้าไปจนถึงท่าเรือ แนะนำว่าตรงจุดไหนเป็นอะไรบ้าง แล้วก็วนออกมา
ไปชมเรือจักรีนฤเบศร์ ไปนั่งดูสไลด์เรื่องเรือเทียบท่า IRPC  ประวัติเรือ ชมดาดฟ้าเรือ
กว่าจะออกมาก็ 5 โมงเย็น
ประมาณทุ่มนึงถึงมอเตอร์เวย์แวะพักเข้าห้องน้ำ

ตอนผู้บริหารพูดเขาก็พูดเร็ว บางอย่างก็ฟังไม่ทันไม่เข้าใจเท่าไหร่  แต่ท่าทางเขาก็ดูเวิร์คดี แบบตั้งเป้าและพยายามจะทำให้ได้ เวลาเขาพูดดูน่าตื่นเต้นดี
มีโครงการหลายโครงการ เป็นการเพิ่มมูลค่า
แต่ฟังดูแล้วเป้าเขาสูง ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า
เห็นเขาบอกว่าจะพยายามทำให้หุ้นขึ้นไปที่ 5 บาท (เห็นมีคนติดอยู่ 6 บาทก็มี)
คำนวณจากค่า p/e 10 เท่า
ซึ่งหมายถึงต้องทำให้ได้กำไร หมื่นล้าน ซึ่งถ้าทำได้จะมีปันผล 0.50 บาท/หุ้น เพราะมีหุ้นอยู่ 2หมื่นล้านหุ้น
ผู้บริหารเขาก็บอกเขามีหุ้นอยู่หลายล้านหุ้น (เขาพูดเรื่องขายหุ้นนี่ก็ ถ้ามันขึ้นมาห้าบาทจริงแล้วเขาขายนี่ก็คงราคาลง ถ้าเขาทำราคาหุ้นขึ้นได้จะดีรึไม่ดีก็ไม่แน่ใจ)

ที่น่าจะเป็นตัวหลักก็มีประเด็นเรื่อง UHV ที่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม เหมือนเขาพรีเซนต์มากว่าปีหน้าจะเสร็จ  ดูเป็นโครงการใหญ่ ดูเป็นความหวังที่จะทำกำไร
เห็นว่าน่าจะมีพลิกมากำไรมั่นคง quarter 3 ปีหน้า

จริงๆก็มีโครงการอื่นอีกอย่างพวกนาโน หรือทำพลาสติกแบบ Pipe grade แต่เขาว่าเป็นส่วนย่อย
ได้ยินเขาบอกว่าเป็นโครงการฟีนิกซ์อะไรนี่ แล้ว UHV ก็เป็นโครงการใหญ่สุดในนี้

ก็ดีที่เขาพยายามทำเรื่องการเพิ่มค่า ทำโครงการนู่นนี่ เพราะถ้าหวังเรื่องน้ำมัน ราคามันก็ลงมา
quarter นี้ก็มีเรื่องบันทึกสต๊อคลอสเพราะราคาน้ำมันลง แล้วเขาก็ต้องมีสต๊อคน้ำมันอยู่เป็นเดือน
ก็ต้องรอดูว่าเรื่องที่จบคดี ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แล้วจะได้มาเท่าไหร่ ลบกับที่ลอสไป เหลือเท่าไหร่ เห็นว่าจะประกาศกลางเดือนพ.ย. นี้

-------------------------------
เพิ่มเติม
ช่วงแรกที่ไปถึงตำนานป่าก็รับน้ำแล้วไปนั่งรอในห้องประชุม
มีฉายแนะนำกิจการ แนะนำว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง
ก็มีเยอะเหมือนกัน มีทำพลาสติกหลายประเภท
มีทำอย่างแอนติแบคทีเรียสำหรับขวดนมเด็กด้วย แบบทนความร้อนร้อยองศา
ทำเม็ดพลาสติก ยี่ห้อ Polimax
มีพวกยางรถอะไรด้วย

มีโรงเรียนด้วย แต่เห็นว่ารับคนน้อย ตั้งขึ้นมาเพราะไทยขาดนักวิจัย

กำไรQ1 จากการhedging  344 ล้าน Q2 โรงกลั่นแย่ กำไร178ล้าน รวม522ล้าน  Q3จะเหนื่อยที่สุด น้ำมันราคาตก  สต็อคน้ำมัน จะมีไว้ในปริมาณที่ใช้30วัน โดยเฉลี่ย 7ล้านบาร์เรล
ลบไป10 เหรียญ คือLoss 70 ล้าน เหรียญ เป็นเงินไทย สองพันกว่าล้านบาท
Q3  จบคดีทั้งหมดของกลุ่ม ประชัย เลี่ยวไพรัช หลังจากยืดมา 8-9ปี คิดแล้วจบคดีตอนนี้จะมีประโยชน์กว่ารอคดีจบแล้วได้ในอีก15ปี ถึงจะมีโอกาสชนะ70เปอร์เซนต์ แต่คิดมูลค่าแล้วถ้าได้ตอนนั้นก็จะเป็นแค่พันกว่าล้าน และช่วงทำคดีก็เสียค่าทนาย
จบคดีแล้วบริษัทจะมุ่งไปข้างหน้าได้เต็มที่  จะbook กำไรบางส่วนไว้ใน Q3  ซึ่งจะได้จากพวก ขายตึก สิทธิให้เช่า  ขายหุ้น  และจะประกาศกลางพ.ย. ว่าbookได้เท่าไหร่

2015 โครงการUHV จะเสร็จ  โครงการนี้ลงทุน 3หมื่น4พันล้าน โดยไม่ได้มีการเพิ่มทุน
Q3 ปีหน้าจะพลิกเป็นกำไรอย่างมั่นคง
จากเดิมที่โรงกลั่นไม่complexมากพอ   เมื่อ UHV เสร็จ จะ complex ได้เทียบเท่ากับโรงกลั่นอื่น
เท่าที่ฟังอย่างคอมเพล็กก็อย่างการแยกหรือแครก อย่างน้ำมันเตามาแครก เป็นน้ำมัน
(เขียนล่าสุดคืน21ต.ค.2557)










วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นbanpu

วันนี้ 6ต.ค.2557ไปประชุมผู้ถือหุ้นบ้านปู(แทนคนอื่น)เรื่องเกี่ยวกับการออกหุ้นกู้ คราวนี้จัดที่พารากอนก็มีคนว่าสะดวกดีอยากให้จัดที่นี่อีก
วาระที่ประชุมก็มีรับรองรายงานการประชุมสามัญ เรื่องหุ้นกู้ และเรื่องอื่นๆที่ผู้ถือหุ้นเสนอ

รวมๆก็มีคนเป็นห่วงราคาถ่านหินที่ลงต่ำ เรื่องแนวทางพลังงานทางเลือก เรื่องคดีหงสา
ราคาถ่านหินต่ำทำให้กระทบกับกำไร
เรื่องหุ้นกู้ ก็เห็นว่าออกหุ้นกู้เป็นระยะยาวไม่เกินสองหมื่นล้าน(เห็นมีคนบอกว่านี่เป็นจำนวนเล็กน้อยเอง) และจะมีหุ้นกู้จำนวนหนึ่งที่จะครบอายุ
ออกหุ้นกู้มาส่วนหนึ่งก็นำมาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้และมีนำมาชำระหนี้

บ้านปูทำโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาก็มีถ่านหินอยู่แล้ว ถ่านหินตอนนี้ราคาต่ำ ต้นทุนไฟฟ้าก็จะต่ำและเรื่องมลพิษ เขาก็ว่ามีเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้

ฟังๆไป ปีนี้ก็คงไม่กำไรอะไรมากมั้งราคาถ่านหินลงมาต่ำมาก ต้องใช้เงินลงทุนอีก
ก็เห็นมีคนเชียร์หุ้นนี้อยู่แต่ก็อาจต้องดูยาวๆมั้งนะ อาจจะดีมีโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเริ่มเปิด
มีคนติดแบบซื้อตอน800บาท มาประชุมเหมือนกัน ถ้าปันผลน้อยหุ้นก็ไม่กำไรนี่ก็แย่เหมือนกัน


คืนวันที่ 7ต.ค.
***รวบรวมการประชุมตามความเข้าใจส่วนตัว***


วาระที่1 รับทราบรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น

วาระนี้ไม่มีคำถามอะไร

วาระที่2 พิจารณาการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน20,000ล้านบาท

อันนี้ก็อาจออกเป็นสกุลเงินอื่นอย่างดอลล่าร์อเมริกา หรือสกุลเงินออสเตรเลียที่บ้านปูมีกิจการอยู่

เพื่อโครงสร้างทางการเงินที่ดี มีดอกเบี้ยคงที่ ลอยตัวน้อย ส่วนหุ้นกู้ที่เคยอนุมัติเดิมครบอายุแล้ว มาขอวงเงินเพิ่ม เพื่อดำเนินการต่อไป ก่อนที่จะประชุมสามัญอีกหลายเดือน
รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต มีระยะเวลาการชำระเงินยาว
ระยะเวลาหุ้นกู้ที่จะออก ไม่เกิน15ปี

-เรื่องที่ถามกัน
ผลกระทบกับหุ้นกู้เดิม  ข้อกำหนดการเงินเดิม อัตราส่วนทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้ วัตถุประสงค์การใช้เงิน วัตถุประสงค์ที่ออกในระยะยาว15ปีจะเข้ากับรูปแบบการลงทุนใด ถ้าอนุมัติแล้วอัตราส่วนทางการเงิน
จะเพิ่มหรือไม่ กระทบระดับเครดิตaa-หรือไม่
อนุมัติหุ้นกู้ไปครั้งนึงแล้วจะสามารถใช้ได้ตลอดกาลหรือ
จะกู้เมื่อไหร่ก็ได้หรือ ควรให้เป็นถ้าภายใน5ปีไม่กู้ก็ตัดไป
(อันนี้เป็นเพราะมีกล่าวถึงหุ้นกู้ที่อนุมัติไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีบอกว่ามีเงินเหลือ)

ห่วงเรื่องดอกเบี้ยสูง บริษัทจะเป็นภาระมาก
อยากให้ให้ความมั่นใจผู้ถือหุ้นว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มทุกปีแต่roeไม่เพิ่ม มีหลักประกันอะไรมั้ยว่า  roeจะเติบโตเมื่อออกหุ้นกู้มาแล้ว

-ตอบ
หุ้นกู้จะมีการนำเงินไปใช้คืนเงินกู้ทั้งส่วนของธนาคารที่จะครบกำหนดด้วย รวมถึงนำไปลงทุนใหม่
เรื่องราคาถ่านหินตกมาสามปีครึ่งแล้ว เป็นโอกาสที่จะลงทุนอุตสาหกรรมถ่านหิน เพื่อปริมาณสำรอง และสำหรับการผลิตในระยะต่อไป  รวมถึงลงในโรงไฟฟ้าหงสาซึ่งจะมีการเดินเครื่อง 1ใน3 กลางปีหน้า

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ทางบริษัทโดยรวมมีข้อกำหนดว่าไม่เกิน1.75เท่า
หนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.1ต่อ1เท่า
ส่วนcredit  rating ไม่กระทบ  สิ่งที่จะกระทบจะมีหลายปัจจัย จะมีการทบทวนปลายปี ทุกปี

หุ้นกู้ระยะ10-15ปี มีประโยชน์กับบริษัทในด้านโครงสร้างทุน  นำไปลงทุนในเหมือง โรงไฟฟ้า เป็นระยะยาว

ที่นำมาให้อนุมัติในครั้งนี้เพราะมติเก่าไม่ใช้แล้ว หมดอายุ  จึงมาเสนอในที่ประชุม

กำหนดอายุยาว หลายสกุลเงิน เป็นการกระจายสภาพคล่องและเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

เรื่องที่ห่วงเรื่องดอกเบี้ย ฝ่ายบริหารจะดูตามความเหมาะสมของสภาพตลาด  จะไม่ได้ออกช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูง

นำไปลงทุนเพิ่มส่วนกิจการไฟฟ้า  จะกระทบทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูงบ้าง

ส่วนroe กับอัตราd/e  ที่เพิ่มขึ้น
มีการลงทุนเพิ่มในสาม-สี่ปีที่ผ่านมา
ส่วนroe คือราคาตลาดของถ่านหินลงมาสามปีกว่า ทำให้กำไรลด

เรืองที่มีคนชม มีคนที่หน้าตาแขกหน่อยพูดภาษาอังกฤษ ผู้บริหารก็พูดถึงด้วยคือ timing&lowcost  เรืองดอกเบี้ยยังต่ำอยู่
เรื่องเมื่อเดือนกันยา  ได้รับการรับรองจาก DJSI  (ประมาณดาวน์โจนส์ ซัสเทน อินไดซ์)
ผ่านการรับรอง1ใน10บริษัท ทำให้ออกหุ้นกู้ง่ายขึ้น
2015เปิดAEC น่าจะออกหุ้นได้มากกว่าที่เสนอ ระยะเวลาน่าจะนานกว่านี้ ทางผู้บริหารรับความเห็นไว้

* เขียนต่อ 8 ต.ค.*


ถาม
-เรื่องการนำเงินจากหุ้นกู้มาลงทุนในถ่านหิน จะเป็นมลภาวะ มีผลกระทบหรือไม่
ตอบ
-มีการทบทวนการลงทุนพลังงานทางเลือก 5- 10 ปี ข้างหน้า
พลังงานทดแทน แม้จะโตเร็วแต่ยังมีขนาดเล็ก ต้นทุนสูง
ส่วนการใช้ถ่านหินยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  นิวเคลียร์เองก็มีการนำมาสร้างกันใหม่เนื่องจากไม่ค่อยมีทางเลือกอื่น

ถ่านหินก็มีเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สัดส่วนการใช้ลดลง และลด sulfur oxide  , hydro oxide , particulate

การใช้ถ่านหินก็มีการเติบโตขึ้น อย่าง อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม

ทางบริษัทมีการพัฒนาให้ต้นทุนต่ำ

มีการลงทุนทำไฟฟ้ามากขึ้นซึ่งทำให้กำไรต่ำ

เรื่องไฟฟ้านี้ไทยมีการแข่งขันสูง ผลตอบแทนต่ำ

จะเพิ่มในส่วนการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มการทำกำไร
เรื่อง ราคาพลังงาน คงไม่ขึ้นหวือหวารวดเร็ว
ราคาถ่านหินในช่วง 3 -4 เดือนนี้ ราคาลงอีก 10เปอร์เซนต์
ปัจจัยที่ทำให้ราคาถ่านหินต่ำ เนื่องจากจีนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำเยอะมาก
จากนี้ไปน่าจะเสถียร

เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น มีการนำมาใช้ใน โรงไฟฟ้าที่มาบตาพุดแล้ว

การผลิตที่โรงไฟฟ้าหงสา  จะเริ่มตามนี้
ส่วน 1.  เดือน มิ.ย. ปี 2558  ส่วน 2. เดือน พ.ย. ปี2558 ส่วน 3. เดือน พ.ค. ปี 2559


คะแนนเสียงเห็นด้วยในวาระที่ 2  มี 98 เปอร์เซ็นต์  1,037 ล้านหุ้น
ไม่เห็นด้วย 1.89 เปอร์เซ็นต์   20 ล้านหุ้น
งดออกเสียง 0.02 เปอร์เซ็นต์ 2 แสน 4 หมื่นหุ้น


วาระที่ 3 อื่นๆ  ไม่มีการลงมติ
เสนอ ประชุมสามัญครั้งต่อไปเสนอให้จัดที่พารากอนเพราะสะดวก
ถาม
เรื่องผลการดำเนินงานไตรมาส 3 จะ ดี หรือไม่ดี  ก่อนหน้าปันผล 1.20 บาท จะเพิ่มหรือไม่
ตอบ
ส่วนไตรมาส 3 ยังตอบไม่ได้ กำลังพยายามลดต้นทุน เพราะราคาถ่านหินลงมาเยอะ ลงมาเร็ว
จะพยายามให้มีกำไรมาปันผล


ถาม
สถานการณ์ในประเทศไทย การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อเศรษฐกิจ แผนงานรัฐบาลใหม่กระทบต่อธุรกิจ  มีผลดี/ผลเสียอย่างไร ใน 1 ปี-2ปี นี้
ตอบ
สถานการณ์ไทยไม่ค่อยกระทบ banpu  ที่จะกระทบก็เป็น ดอกเบี้ย  สภาพคล่องทางการเงิน
รัฐบาลมีนโยายสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เรามีเตรียมโรงไฟฟ้าในไทย และ อาเซียน 2-3 โครงการ มีส่วนที่ทำแล้ว
ถาม
เรื่องกำไรที่ลดลง กำไรสุทธิต่ำมาก ราคาถ่านหินลงเร็วมาก
ในการเพิ่มเงินลงในธุรกิจนี้ อาจเป็นภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เป็นภาวะเสี่ยง
มีวิธีรักษากำไรอย่างไร

ตอบ
net margin ต่ำเมื่อเทียบกับน้ำมัน  น้ำมันโลกยังใช้ต่อไป แต่จะหายาก ส่วนก๊าซมีมาก
น้ำมันในไทยจะมีเหลือเป็นบ่อเล็ก ราคาต่ำไม่คุ้มทุนที่จะขุดมาใช้ทำให้ปริมาณตรงนี้หายไป
เศรษฐกิจเติบโตช้าใน อเมริกา ยุโรป จีน
ค่อยๆทำการลงทุนไปเพราะมีความเสี่ยง
ถาม
ผลกระทบจากการเปลี่ยนกฎของจีนที่ให้นำเข้าถ่านหินคุณภาพสูง มีผลกระทบรวมถึงมีการรองรับอย่างไร

ตอบ
เรื่องจีนไม่ซื้อถ่านคุณภาพต่ำ โดยรวมไม่กระทบ  ส่งจีน 6 ล้านตันต่อปี
ถ่านหินจากอินโดคุณภาพสูงจึงไม่กระทบ

ถาม คดีหงสา จบหรือยัง คู่กรณีจะนำสู่ศาลสูงหรือไม่ ถ้าทำจะทำได้ในระยะเวลาเท่าไร
ตอบ  เรื่องคดีหงสา  จากที่ศาลอุทธรณ์มีการพิพากษา  แล้ว 9 กันยายน นี้ ยกฟ้อง  ว่าบริษัทไม่ได้ทำการไม่สุจริต/ฉ้อฉล ถือเป็นข่าวดี
สองฝ่ายสามารถยื่นฎีกาได้ ระยะเวลา ขึ้นอยู่กับศาลไทย


อื่นๆ(ตรงส่วนนี้อาจจะเก็บไม่ครบ)
ที่มีการย้าย มีการหยุด operation ทำให้กระทบต่อผลกำไรลด จะดำเนินการกับปัญหานี้อย่างไร
(อันนี้เห็นว่ามีการหยุดซ่อมปลายปีทุกปี)
ภาพรวม ถ่านหิน over  supply  ทางเหมืองมีปัญหาว่าราคาขายเท่ากับต้นทุน ทางอุตสาหกรรมมีการคุยกันอย่างไร (อันนี้ เป็นเรื่องราคาถ่านหิน เห็นว่ายังจะไม่ดีในช่วง 1-2 ปีนี้ อาจจะดีขึ้นหลังจากนี้)

เหมืองที่มองโกล อยู่ระหว่างพัฒนา เจาะสำรวจ

อินเดียมี demand สูง เนื่องจาก เหมืองคุณภาพต่ำ  (มีคนพูดถึงข่าวว่ามีการยกเลิกใบอนุญาต 200 ใบ)
ปริมาณ 3-400ล้านตันต่อปีก็น่าจะทำได้

เรื่องที่มีคนเสนอว่าให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์
ก็มีการดำเนินการอยู่ในขั้นทดลอง อย่างการนำมากลั่นน้ำมัน
นำถ่านหินมาผสมขายได้ราคาสูงขึ้น

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย นึกว่าหนังเบาๆ เล่นเอาเครียด

จากหนังตัวอย่างที่ดูโฆษณา
ก็รู้ว่ามันก็คงไม่ใช่หนังใสๆมาก  คงแบบเป็นรักวัยรุ่นที่มีปัญหาบ้านักร้อง
แอบคิดว่าจะทำออกมาเสี่ยวๆรึเปล่าด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่คิดว่าดูแล้วจะหนักใจขนาดนี้

ความสัมพันธ์ซับซ้อน
นึกถึงเพลง ให้ตายสิ พับผ่า
และเรื่องความสัมพันธ์ ความหลากหลายทางเพศ หนักมาก
หนักจนปวดหัว

ไปดูด้วยความที่เอานักร้องญี่ปุ่นมาแสดงด้วย
ดูแล้วคิดว่าแฟนคลับคงเคืองที่เอาเค้ามาเล่นถึงขนาดนี้
และก็แต่งนักร้องมาโกโตะออกมาไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
ภาพออกมาดูแบบ  นี่รึมาโกโตะที่เคยเห็นในรูป
ไม่ได้เป็นแฟนคลับแต่ก็เคยเห็นๆตามหนังสือ แม็กกาซีนอะไรบ้าง
รู้สึกอยากให้ภาพเขาออกมาดูดีกว่านี้ในหนัง

สำหรับติ๊นา ที่คาดว่ามีแฟนคลับล้นหลามก็เช่นกัน
คิดว่าแฟนคลับคงเคือง
แต่คงทำให้เกิดคู่จิ้นแนวใหม่

ปมความหลากหลายทางเพศนี่มันเยอะมากและคิดว่ามันมีจริงๆ
แต่บางทีมันก็ทำร้ายคนดูอย่างเราไปนะ
ไม่ต้องเล่นจริงนักก็ได้มั้ง

และจริงๆปมเรื่องนักร้องนี่สมัยนี้น่าจะเป็นนักร้องเกาหลีมากกว่านะ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

การที่มีคนเข้ามาเล่นหุ้นมากจนไทยรัฐเอาไปลงนี่แปลว่าตลาดใกล้วายแล้วหรือ

ช่วงนี้เห็นคนมาฟังสัมมนากันล้นหลาม ขนาดบ่ายวันธรรมดายังเต็มห้องสัมมนาชั้น 3 จนต้องจัดเก้าอี้ไว้ที่ชั้นล่างตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงเปิดห้องชั้น 11 ด้วย  จากที่ออกมานั่งศึกษาสัมมนาต่างๆมาหลายเดือนก็ยังไม่เคยเจอสภาพนี้

เริ่มคิดแล้วว่าคนเริ่มสนใจกันเยอะมากจริงๆ ต้องมีคนเปิดบัญชีใหม่ไปเพื่อเทรดหุ้นเยอะมากแน่ๆ
แถมยังมีพวกรายการแข่งเล่นหุ้นออกมาตามๆกัน ทำให้คนต้องมีการซื้อขายทำกำไรช่วงสั้นๆกันเยอะ
ปริมาณการซื้อขายน่าจะมีเข้ามาหนาแน่นตามจำนวนคนที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างท่วมท้น

ดัชนีหุ้นขึ้นมาสูงมากเทียบกับเมื่อต้นปีที่ซบเซา จนเทียบใกล้เคียงกับช่วงที่สูงสุดในปีที่แล้ว มีคนกะว่าจะขึ้นไปสูงอย่างที่ไม่เคยเป็น

ตามเวบบอร์ด มีคนโพสกระทู้มากมายในแต่ละวัน กล่าวถึงหุ้นที่ไม่เคยได้ยินว่าขึ้นมามาก อย่างนั้นอย่างนี้ แถมมีเปลี่ยนตัวมาตลอด

บางทีก็อาจจะเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ต้องระวังรึเปล่า  พอมีคนเข้ามามาก ดันให้ราคาวิ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หุ้นพื้นฐานดีราคาขึ้นไปสูงแล้ว ทำให้บางทีเห็นหุ้นที่ไม่ได้มีพื้นฐานอะไรมากดันวิ่งเอาๆ
ก็อาจจะมีคนที่จ้องรอจังหวะที่จะออกจากตลาด ขายล้างพอร์ตด้วยเป็นจังหวะที่ดี และถือเงินสดรอตลาดตก

นักเทรดที่เจอส่วนหนึ่งเริ่มล้างพอร์ตออกมารอ ในขณะที่เราเห็นการเคลื่อนไหวของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ อย่างต่างชาติที่เข้ามาซื้อบ้าง ขายบ้าง หุ้นตัวใหญ่เริ่มวิ่ง เริ่มสงสัยว่ากลุ่มกองทุนที่ซื้อเก็บมามาก หรือพวกที่จะปิดสถานะทำกำไรเมื่อถึงเปอร์เซนต์ที่กำหนดอย่างพวกทริกเกอร์ฟันด์จะทำอย่างไร

ฟังสัมมนานึงมีคนกล่าวทำนองว่าถ้าถึงจุดที่ตลาดบูมมากจนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเอาไปลงหน้า 1นี่ก็เตรียมตัวได้เลย

ตอนนี้หนังสือเกี่ยวกับหุ้น ก็ติดอันดับหนังสือขายดี มีพวกที่เขียนทั้งการลงทุนโดยแบ่งเงินจากรายได้ประจำ การเล่นเก็งกำไร การดูพื้นฐานหุ้น การออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ฯลฯ เกลื่อนแผง
แม้กระทั่งเวลานั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับหุ้นบนรถไฟฟ้า ก็ยังมีคนสนใจถาม
ถ้ามีคนอยากมีอิสรภาพทางการเงินมาก ตอนนี้ก็อาจจะมีคนลาออกมาเล่นหุ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นก็อาจจะเป็นพวกเดย์เทรดที่ต้องซื้อขายทำกำไรวันต่อวัน
หรือถือระยะสั้น ซึ่งอ่อนไหวต่อสิ่งต่างๆอย่างข่าว อย่างวิกฤตต่างๆได้ง่าย

เริ่มสงสัยว่าเมื่อเกิดวิกฤตอะไรสักอย่างนึงออกมา ตลาดจะวายมั้ยนะ
ไอ้พวกวิกฤตที่ไม่ได้มาจากประเทศเรานี่สิที่มันร้ายจริงเพราะถ้ามันเอาเงินไปลงไว้ทุกประเทศทั่วโลก เวลาที่มันล้มขึ้นมามันดึงเงินออกไปจากทั่วโลก อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คิดๆไปแล้วพวกมหาอำนาจนี่มันทั้งเอาเปรียบสร้างเงื่อนไขหาประโยชน์และสร้างเงินขึ้นมาใช้เฉยๆมากมาย ทั้งที่เศรษฐกิจบ้านเมืองมันก็ยังไม่ได้ดีอะไร แถมแค่ประกาศอะไรออกมานิดหน่อยก็สะเทือนไปตามๆกัน
วันนึงถ้าโลกอุ้มประเทศพวกนี้ไว้แล้วเกิดมันไม่รอดขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น Grammy 24 กันยายน 2557

ประชุมครั้งนี้หลักๆก็เป็นเรื่องการเพิ่มทุน
เพิ่งมาประชุม grammy เป็นครั้งแรก ที่โรงแรมที่อยู่ตรงห้าง terminal 21
มีหุ้นจำนวนน้อย เข้าไปซื้อเพื่อภาวนาว่าอย่าเพิ่งเจ๊ง ชอบดูหลายรายการ
เห็นขาดทุนเยอะก็กลัวเจ๊งเหมือนกัน ยิ่งเพิ่งเริ่มดิจิตอลทีวีลงทุนกันเยอะแยะด้วย

**สิ่งที่เขียนประมวลจากความเข้าใจของตัวเอง อาจจะมีผิดพลาดได้**

ประชุมตอนบ่ายสองโมง มีขนม แยกแบบเจกับไม่เจให้ด้วย และชากาแฟ
ก่อนเริ่มประชุม มีการฉายวีดีโอ โฆษณาสื่อต่างๆของแกรมมี่
แบบมีตัวอย่างเรื่องสงครามนางงาม  (ก่อนหน้านี้ก็มีเห็นโฆษณาตามหน้าจอแถวสี่แยกเหมือนกัน)
(ประเด็นนี้ผู้ถือหุ้นก็หยิบยกมาว่า ทำไมมีเรื่องอย่างว่าเยอะ ทั้งที่จะทำแนวคุณภาพก็ได้ อะไรอย่างนี้)

เรื่องเพิ่มทุนก็มีคนพูดหลายอย่าง ว่าทำไมไม่จูงใจให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุน อย่างการแจกวอร์แรนต์
หรือการกำหนดราคาซื้อต่ำๆหน่อยสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะตอนนี้ราคามันลงมากกลัวเพิ่มทุนไม่สำเร็จ
(เห็นว่าคงไม่มีการปรับราคา) ราคาซื้อหุ้นเพิ่มทุน 13.5 บาท ไม่สามารถซื้อเกินสิทธิ์  ราคาปัจจุบันก็ 13 บาทกว่าๆ
และก็ถามในเรื่องที่ให้บุคคลอื่น ที่เรียกว่าบุคคลเฉพาะเจาะจงหรือ PP มาซื้อหุ้นเพิ่มทุน หลังจากที่ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อกันไม่หมดด้วย (เห็นบอกว่ามีสถาบันให้ความสนใจหลายราย เลยมีคนบอกว่า พวกสถาบันเขาได้ไปแล้วอาจจะขายออก ไม่เหมือนผู้ถือหุ้นที่อยู่กันมาแต่เดิม) (จริงๆก็แอบอยากรู้ว่ามีสถาบันไหนบ้าง)
ที่ปรึกษาเขาเป็นทางหลักทรัพย์บัวหลวง ก็มีคนถามเรื่องว่าบัวหลวงจะมีการช่วยเหลือ(ประมาณจ่ายเงิน)ถ้าเพิ่มทุนไม่สำเร็จ เขาก็ดูเหมือนจะรับช่วยเหลือ

การขาดทุนที่ผ่านมาเขาก็แจ้งว่าเป็นการขาดทุนในธุรกิจเพย์ทีวี ที่ตอนนี้ขายให้ cth ไปแล้ว ตรงส่วนนี้จะหายไป
แต่ผู้ถือหุ้นก็ยังสงสัยในเรื่องต้นทุนการเข้ามาทำดิจิตอลทีวี อย่างพวกค่าประมูลที่ต้องแบ่งจ่ายแต่ละปี
ซึ่งดูแล้วก็เยอะ ประมาณสองพันล้านได้ รวมสองช่อง (มีตารางแสดงว่าแต่ละปีจ่ายกี่เปอร์เซนต์ในเอกสารที่ส่งมาเชิญประชุม)
รวมทั้งเมื่อปีก่อนก็เพิ่มทุนไปแล้วรอบนึง ซึ่งที่ได้จากเพิ่มทุนรอบที่แล้วก็นำไปใช้ในเรื่องดิจิตอลทีวีไปแล้ว

คราวนี้จะเอาส่วนที่เพิ่มทุนไปใช้ผลิตรายการป้อนดิจิตอลทีวี และส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุสัดส่วนที่ชัดเจนได้ ขึ้นกับกลยุทธ์ผู้บริหาร

เรื่องละครซีรียส์ฮอร์โมน ซีซั่นส์ 2 ที่มันออกอากาศในช่อง GMM ที่อยู่ในดิจิตอลทีวีช่อง 25 แล้วแต่ไม่มีการโปรโหมตอะไรมาก เราเองก็เพิ่งเริ่มดูในช่องนี้เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ดูสดแบบกระตุกๆใน Youtube มาโดยตลอด  (มีผู้ถือหุ้นบอกเหมือนกันว่าเพิ่งรู้ตอนเขาบอกว่าฮอร์โมน ซีซั่นส์ 2 มีออกทางช่องนี้ )
ปรากฎว่าจะมีแถลงข่าวเปิดตัวช่องวันที่ 25 กันยายน 2557ที่พารากอน
แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าอะไรยังไง

มีการพูดเรื่องเรตติ้ง เหมือนเขายังบอกว่าวัดอย่างถูกต้องยังไม่ได้ เพราะที่มีการวัดกัน อาจจะเป็นแค่พวกข้อมูลเสาก้างปลา เป็นส่วนใหญ่
ผู้ถือหุ้นก็คาดหวังที่จะได้ข้อมูล หรืออะไรที่มันแสดงความเป็นมืออาชีพของแกรมมี่ที่ทำธุรกิจบันเทิงมานาน

ดูทุกคนเป็นห่วงเป็นใยหลายๆอย่างและช่วยกันให้ความเห็นกันคนละหลายรอบเลยใช้เวลาไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ได้ฟังผู้ถือหุ้นที่เขาอยู่กับแกรมมี่มานาน ซึ่งเขาเคยมาประชุมและให้ความเห็นกันในรอบก่อนๆด้วย  มีคนบอกว่ามาเพราะติดหุ้น  ดูจากราคาที่ช่วงนี้ลงมามากก็คาดว่าทุกคนคงจะติดกันอยู่แน่นอน และเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นพิเศษ

* ไว้ดูที่จดไว้แล้วมาเขียนต่อ*
(ถึงตรงนี้เขียนล่าสุด เช้ามืด 25 กันยายน 2557)


เขียนต่อ เอาประเด็นต่างๆมาเรียบเรียง (เพิ่มเติม ณ คืน วันที่ 26 กันยายน 2557)

เรื่องตามวาระการประชุมต่างๆก็ผ่านมติที่ประชุมหมด โดยรวมก็เห็นด้วย 99 เปอร์เซนต์กว่า
วาระต่างๆคือ
1 .รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2557
2. พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุน
3.พิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท
(คือแก้ไขในส่วนว่ามีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่หลังเพิ่มทุน)
4.พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน

**เรื่องมติที่ประชุมอันที่เป็นทางการอยู่ในนี้**
http://grammy.listedcompany.com/newsroom/20140924-grammy-set01-th.pdf

ผู้ถือหุ้นที่มา
83 ราย มาด้วยตนเอง 368.11 ล้านหุ้น
70 ราย มอบฉันทะ 38ล้านหุ้น
รวม 406 ล้านหุ้น

ประเด็นต่างๆตามที่เข้าใจ
-มีเพิ่มทุนครั้งนี้ ครั้งหน้าก็ต้องมีอีก ?  จะเพิ่มไปอีกกี่รอบถึงจะพอ
อันนี้มันแล้วแต่รายได้ของทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องที่จะเข้ามาด้วย
ยังไงก็มีค่าใช้จ่ายทีวีดิจิตอลมาก มีส่วนที่ต้องแบ่งจ่ายทุกปี
แต่คาดหวังที่จะเป็น 1 ใน 5  ผู้นำช่องดิจิตอล

-ทำไมไม่กำหนดราคาต่ำ แถมวอร์แรนต์
เรื่องแจกวอร์แรนต์ เห็นว่า ต้องการใช้เงินทันที (เพื่อลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน)
แต่ถ้าเป็นวอร์แรนต์ไม่รู้ว่าจะมาใช้สิทธิ์มั้ย และไม่ได้เงินทันทีด้วย  ส่วนเรื่องราคา กำหนดต่ำไปก็คงมีผลกับราคาหุ้น
ราคาที่กำหนดคิดว่าเหมาะสมแล้ว คือ ลด 14 เปอร์เซนต์จากราคาตลาดขณะช่วงที่กำหนดราคา

-ประเด็น PP (private placement) หรือการขายหุ้นให้กลุ่มบุคคลวงจำกัด
มี freefloat ( หุ้นสำหรับนักลงทุนทั่วไป ) น้อย และจะเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นนอกเหนือจากผู้ถือหุ้นเดิมเข้ามา  เพิ่มสภาพคล่อง
และจะไม่ขายต่ำไปกว่าราคาที่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ที่เป็น Right offering ที่ 13.5 บาท

- ธุรกิจเพลงของแกรมมี่
มีรายได้ออนไลน์อย่าง youtube , streaming  app kkbox ของ ais เป็นการจ่ายเหมารวม เพื่อจะฟังเพลงใดก็ได้ รวมถึงเพลงหาฟังยาก

-ไม่เห็นมีโฆษณาช่องทีวีดิจิตอล
มีโฆษณาอยู่ตามถนน ตามสี่แยกทั่วไป
(LED 50 จุด ทั่วกทม.)
จะค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเร่งโฆษณาจะทำให้เงินหมด

ตอนนี้หมายเลขช่องกรณีรวมกับพวกดาวเทียมยังไม่ชัดเจน เพราะอย่างบางอันจะมีช่อง favorite 10 ช่องแรกทำให้เลขช่องต้อง+10  อย่างของ gmm ช่อง 25  ไปดูในของดาวเทียมเป็นเลข 35
อนาคตมีแนวทางว่าจะยกเลิก favorite 10 ช่องออก จะทำให้เลขช่องชัดเจน

-การถอดรายการออกจากช่อง 3 หลังจากมีช่องของตัวเองและมีเรื่องช่องสามจอดำ
มีรายการอาทิตย์ละ 2-3 ชั่วโมง
การที่จะจอดำ ไม่จอดำจะมีเงื่อนไขตามมาอีกมาก
ณ ตอนนี้อย่างทาง  agency เองก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

-มีการเสนอว่าอาจเป็นโอกาสในการรับจ้างผลิตสื่อสำหรับดิจิตอลทีวี


-ค่าประมูลช่องดิจิตอลทีวี
มีตารางในสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 หน้า 5
มีแบ่งเป็นส่วนขั้นต่ำกับส่วนเพิ่มเติม(ที่เกินขั้นต่ำ)
ส่วนราคาขั้นต่ำมีการแบ่งจ่าย 4 ปี
ขั้นต่ำส่วนของช่อง hd 1500 ล้าน  SD 380 ล้าน
ส่วนราคาเพิ่มเติม แบ่งจ่าย 6 ปี
ค่าประมูล 5612 ล้าน

การแบ่งจ่าย
ปี 2014  1319 ล้าน ปี2015 939ล้าน ปี2016 933 ล้าน  2017 933 ล้าน ปี2018 744 ล้าน ปี2019 744 ล้าน
ส่วนที่จ่ายแล้ว 1319 ล้าน

แต่ละปีมีส่วนที่ต้องจ่าย 2 เปอร์เซนต์ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายด้วย
(มีการลดให้ 2 เปอร์เซนต์ ยังต้องจ่าย 2 เปอร์เซนต์  ที่ว่าช่วยดิจิตอลทีวี)

-กำไรต่อหุ้น (EPS) ในรายงานประจำปี หน้า46 ปี 54 1.18 ปี 55 -0.66 ปี 56 -2 บาทกว่า
ปี 57 จะเป็นเท่าไร ขาดทุนมากกว่า 2 บาท?
ดูโครงสร้างรายได้ เพลงลดจาก 3500 ล้าน เป็น 3000 ล้าน แต่สื่อ จาก 3500 เป็น 3900 อื่นๆจาก 700 เป็น 1200
แต่กำไรสุทธิลดลงมาก

มีการไปลง pay tv ซึ่งขาดทุน มีการหยุด loss   ในธุรกิจนี้โดย swap ให้ทาง cth
loss -200 ล้าน ต่อเดือน  รวม 1 ไตรมาสเป็น 600 ล้าน

- ที่บัวหลวงให้จ่ายค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็น bill payment ของที่อื่น เก็บค่าธรรมเนียม 10 บาท ครั้งนี้จะมี?
อันนี้คงต้องรอทางบัวหลวงชี้แจงรายละเอียด

-การเน้นหนัง2แง่2ง่าม รักใคร่
ถึงแม้หน้าหนังจะแรงแต่ตั้งใจให้ประโยชน์กับคนดู
อย่างมีการเพิ่มเติม ฮอร์โมนส์ โฮมรูม

-เรื่องหนังไทย GTH ไม่มีเหมือนอย่างพี่มากฯ รายได้พันล้าน
หนังไทยที่รายได้พันล้านมีโอกาสน้อยมาก เรื่องพี่มากฯเป็นส่วนที่พิเศษมาก
ไม่ง่ายที่จะทำได้



วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ดูเรื่อง เมซ รันเนอร์ Maze runner แล้วรู้สึกยังไง (สปอยล์)(ความเห็นส่วนตัว)

จริงๆหนังมันก็มีหนังสือมาก่อน แต่ก็ไม่เคยอ่านหนังสือก่อนมาดู
ถามว่าสนุกมั้ย ก็สนุกดี ลุ้นดี ดูเพลินๆ
สำหรับด้านอื่นๆหนังเรื่องนี้ดูแล้วก็รู้สึกว่า เทคนิคมันก็ไม่ได้อลังการอะไรมาก แค่มีแบบเปิดปิดเขาวงกต
แต่การสร้างฉากก็ดูใหญ่โต (ขนาดใหญ่)
 สัตว์ประหลาดที่โผล่มาก็เฟคๆ เห็นสายไฟชัดซะขนาดนั้น  ตัวเครื่องด้านในเอาออกมาง่ายมาก
ตั้งแต่แรกที่โดนจับไปก็เห็นกลไกแล้ว
เขาวงกตมีการเลื่อนประตูเปิดปิด  แบบมีคนบงการอยู่อย่างชัดเจน

มันไม่ใช่แบบเขาวงกตร้างในป่าที่บังเอิญหลุดเข้าไปด้วย  เห็นชัดๆว่ามีคนส่งเข้าไป
ที่โดนจับมามีคนต้องการให้มาเป็นตัวเล่นในเกม ตั้งแต่มีคนเข้ามาเพิ่มทีละคนโดยมากับกล่องทุกครั้ง

แต่ดูแบบติดตามเรื่องก็จะลุ้นไปกับตัวเอก โทมัส ว่าจะจัดการทำอะไรได้บ้าง
เนื่องจากเป็นตัวเอกก็เลยคิดว่า ต้องช่วยอะไรได้บ้างละนะ

ว่าแต่เขาลงทุนสร้างฉากมาเพื่อที่จะทำเรื่องที่มีเนื้อเรื่องจับคนมาทดลอง
แถมยังทำเหมือนจะทำภาคต่ออีก

ก่อนไปดูไม่ได้ดูหนังตัวอย่าง เพิ่งมีช่วงนี้เห็นหนังมีโฆษณา เลยได้ดูหนังตัวอย่าง
ดูเหมือนเอฟเฟคจะดีในหนังตัวอย่าง แต่ทำไมไปดูแล้วรู้สึกเอฟเฟคงั้นๆก็ไม่รู้แฮะ
หรือว่าต้องไปดูในโรงแบบ สาม -สี่มิติถึงจะได้เทคนิคอลังการก็ไม่รู้

แต่ดูแล้วก็ลุ้นไปกับหนังด้วยว่าจะรอดออกมาได้มั้ย รอดออกมาแล้วจะเจออะไร
สิ่งที่ตัวเอกตัดสินใจทำแบบเสี่ยงๆจะเกิดอะไรขึ้นตามมา

เรื่องเขาวงกตก็ดูซับซ้อนดี มีกลไกเปิดปิดส่วนต่างๆตลอด
แต่อยู่ดีๆก็ผ่านเข้าไปในทางออกได้ง่ายๆในตอนจบ
ถึงจะมีให้ใส่รหัสก่อนก็เถอะ

ตัวเอกในเรื่องก็ยังงงว่าทำไมมีเกาหลีมาเด่นมากในหนังฝรั่ง
แต่ก็พบว่าคนชอบมินโฮ เกาหลีในเรื่องกันมาก

เรื่องที่ทุกคนอาศัยอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมตรงกลางเขาวงกตก็รู้สึกว่ามันแปลกที่ทำไมประตูปิดตอนเย็นทุกวัน ทำให้คิดว่านี่มันเป็นพื้นที่ปลอดภัย
 (แล้วมันจะโดนจับมาเพื่อให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทุกวันทำไม เลี้ยงไว้ดูเล่น?)
และเรื่องไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรออกมาเลยตอนกลางวัน มันก็ทำให้คิดว่า ตอนกลางวันมันปลอดภัยที่จะเข้าไปในส่วนเขาวงกต (เป็นการทำให้คนสามารถออกไปค้นหาทางออกได้?)

แล้วตอนที่มีการปล่อยสัตว์ประหลาดออกมาตอนกลางวันช่วงท้ายๆเรื่อง เป็นการทำให้คิดว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นรึเปล่า ปล่อยออกมาเพื่ออะไร

มันก็มีส่วนที่งงอยู่หลายส่วนหรือจะไปอ่านหนังสือเพิ่มดี

แต่เห็นพวกในพันทิปก็บอกว่าส่วนเนื้อเรื่องบางส่วนไม่ตรงกับหนังสือ อย่างตอนที่พากันออกมาจากเขาวงกต  และการดำเนินเรื่องในหนังสืออืดมาก

จากการดูหนังเรื่อง As above So below (สปอยล์)

มีตั๋วดูหนังฟรีหลายใบเลยไปดูเรื่องนี้มา
ดูแล้วรู้สึกว่า หนังอะไรนี่เวียนหัวจริง หนังผีก็ไม่เชิง ออกมาแบบแปลกๆ
แต่ดูๆแล้วก็เหมือนจะให้ดูแล้วคิด

กล้องใช้การถ่ายแบบวิ่งตามไปกับนักแสดง คงเพราะถ่ายทำในที่แคบและมืดด้วย บางฉากเลยดูไม่ค่อยรู้เรื่องว่ามันทำอะไร มึน

ตัวแสดงจะฝังใจกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในอดีต ทำให้เจอกับสิ่งของ เหตุการณ์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆอีกตอนลงไปสุสานใต้ดิน

คิดไปถึงว่าเวลาอย่างเข้าป่า ก็จะมีหลงป่า
เข้าสุสานนี่ก็คงคล้ายกัน

เกริ่นนำขึ้นมา ศึกษาวิจัย ทางโบราณคดี เข้าไปค้นหาวัตถุในสุสานใต้ดิน
เริ่มลงไปใต้ดิน ยิ่งลงไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเหมือนทางวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนสุดท้ายทิ้งตัวลงมาในบ่อ กลับกลายเป็นว่าออกมาที่ปากบ่อ
เจอฝาท่อ พยายามจะดันขึ้นเพื่อเปิด กลับไม่ออก ต้องผลักลงไป
แล้วก็ออกมาที่ถนนแบบกลับหัวออกมา

ที่ว่าจะเจอสมบัติก็เจอ ไขปริศนาก็มี ไขได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา

ช่วงนำเรื่องก็มีหลับไปเหมือนกัน มันเอื่อยๆ
แต่พอเข้าฉากแบบตัวนู่นนี่ออกมา ตายกัน ก็ลุ้นตลอด ประมาณว่าใครจะตายก่อน ตายยังไง
นางเอกกล้าบ้าบิ่นเกิน แถมคิดปริศนาอย่างเร็ว ยังไม่ทันคิดตามมันหาคำตอบเจอละ

สรุปแล้วถ้าเป็นคนดูหนังแบบไม่ได้จะไปดูมาวิเคราะห์ หรือมีตั๋วฟรี ก็คิดว่าไม่ควรไปดู
ถึงจะชอบดูหนังผี แต่มันก็ไม่เชิงเป็นแนวหนังผีหลอนน่ากลัว
ผีออกงงๆมากกว่า

ตอนท้ายเห็นคนในโรง(ซึ่งมีไม่กี่คน)ยังนั่งอยู่เลยรอดูบ้างอยู่ตรงทางออก
สักพักเห็นมีตัวหนังสือขึ้นว่า ทางออกมีทางเดียวคือข้างล่าง

เลยออกไปเลย  คิดอยู่ว่า โรงหนังมันไล่ให้ออกไปรึเปล่า ประตูทางออกมันอยู่ด้านล่างพอดี

คิดๆดูแล้วเรื่องนี้มันก็อาจจะเป็นแนวแบบแฝงความคิดมากกว่าจะเป็นหนังผีรึเปล่า
มันก็มีฉากที่ทำให้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องแบบสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ รึเปล่า
ก็อย่างเช่น ที่นางเอกเห็นพ่อ แล้วเสียใจที่ไม่ได้รับโทรศัพท์พ่อ
ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีฉากที่โทรศัพท์ดังขึ้นแล้วนางเอกไปรับ มีเสียงพ่อพูด
สุดท้ายก็ขอโทษพ่อ แล้วพ่อก็หายไป

คิดว่าเป็นเหมือนชื่อหนัง as above so below ข้างล่างเป็นยังไง ข้างบนก็เป็นอย่างนั้น
และสิ่งที่อยู่ภายนอกเห็นยังไง ภายในใจก็เป็นอย่างนั้น อะไรอย่างนี้

ตอนก่อนจะเจอเรื่องแย่ๆก็เจอที่เขียนบนประตูทางเข้า เป็นสัญลักษณ์อย่างนึงที่เหมือนบ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่นรก
พวกผีที่เจอมันเหมือนจะเป็นคนรู้จัก คนใกล้ชิด ที่มีปมร่วมกัน แบบว่าไปมีส่วนทำให้เขาตาย
จนรู้สึกผิดกัน เหมือนผีที่เจอก็ทำให้แต่ละคนตายๆกันไป

ดูแล้วก็คิดว่า บางทีสิ่งที่เราคิดในใจมันก็ทำให้เราวน คิดอยู่อย่างนั้น รู้สึกผิดวนไปวนมาอย่างนั้น
จนกระทั่งคิดได้ถึงจะหลุดออกมา เหมือนที่เราดูแล้วงง อยู่ๆก็ออกมาได้ซะงั้น

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

สัมมนาของ TSI

ในเวบ TSI เขาจะมีให้สมัครแล้วสามารถเข้าไปจองสัมมนาความรู้ต่างๆได้ฟรี (มีอันที่เสียตังค์เหมือนกัน)
เพิ่งเริ่มเข้าไปจองกับเขา จริงๆคอร์สน่าสนใจต่างๆก็มีคนจองเต็มแล้วเลยเสี่ยง walk-in ดู
ก็เข้าไปลงทะเบียนหน้าห้องแล้วเข้าไปฟัง เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2557

ของ TSI เขาจะไม่มีงบประมาณทั้งเรื่องเอกสาร ทั้งเรื่องอาหารว่าง
เอกสารเขามีเผยแพร่ในเวบ แต่ถ้าจะเอาเอกสารเป็นแผ่นๆที่เขาปริ๊นท์มาแจกก็ต้องจ่ายตังค์

พอลองไปฟังดูแล้วก็รู้สึกว่ามันเหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้น ไม่รู้อะไร จะได้ความรู้ไปครบ
แต่จะสามารถเก็บกลับไปครบได้รึเปล่ามันจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำความเข้าใจของแต่ละคน

อย่างเรานี่ก็รู้สึกว่า การค้นหาข้อมูลแต่ละอย่างด้วยตัวเอง แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน มันจะไม่ครบสมบูรณ์เท่ากับที่เขามาปูพื้นฐานให้ครบถ้วนตั้งแต่เริ่มแรก

มาฟังครั้งนี้รู้สึกเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วนที่เรายังขาด

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเกิดเข้ามาฟังเขาตั้งแต่ยังไม่รู้อะไรเลยก็คงทำให้มีข้อมูลใหม่เข้ามาเยอะมากในวันนั้น อาจจะเบลอแทนที่จะเข้าใจและเก็บไปใช้ได้ทั้งหมด

อาจจะต้องศึกษาอะไรมาบ้างแล้วเข้าไปฟังเก็บรายละเอียดส่วนที่เราข้ามไป

วันที่ไปดู เสาร์ที่ 13 กันยายน 2557 เขาสอนทั้งเรื่องพื้นฐานการลงทุน พื้นฐานการดูด้านเทคนิค
โดยเรื่องพื้นฐานการลงทุน คนที่มาสอนเขาก็เป็นอาจารย์อยู่ สอนได้ครอบคลุมหลายๆด้าน
มีสอนเช้า - บ่าย เต็มวัน เช้าเรื่องนึง บ่ายอีกเรื่องนึง

ติดอยู่ที่เดียวตรงที่เขาพยายามขาย set smart ซึ่งเป็นการจ่ายตังค์เข้าไปดูข้อมูล
ทั้งที่แหล่งดูข้อมูลฟรีมันก็มี ซึ่งเขาไม่ได้พรีเซนต์แหล่งข้อมูลฟรี ให้ดูแต่ส่วนที่ต้องเข้าโดยใช้ set smart


วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

สรุปความรู้ที่ได้จากสัมมนา DW ของโบรกเกอร์ต่างๆ(2)

เรื่อง DW นี่มันซับซ้อนจริงๆ คำนวณก็ยาก แล้วก็ต้องมีตัวแปรที่จะเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ
แถมแต่ละโบรกเกอร์ก็ยังกำหนดราคา  กำหนดค่าตัวแปรไม่เหมือนกันอีก
เวลาบางโบรกเกอร์ออก DW ทั้ง Call และ Put มา เราก็นั่งดูราคา
บางทีก็เห็นว่าอย่างฝั่ง call ราคาเปลี่ยน ไหงไอ้ฝั่ง Put ที่เป็นรุ่นเดียวกันเป๊ะ ราคามันไม่ขยับ

DW ที่โบรกเกอร์เป็นคนกำหนดราคา ซึ่งเรียกคนที่ดูแลว่า Market Maker หรือจะเรียกอีกอย่าง ก็คือ คนดูแลสภาพคล่อง

ไปดูหนังเรื่อง The Maze Runner เมซ รันเนอร์ มา

ปกติก็ไม่ได้บัตรไปดูรอบพรีวิวแต่เมื่อวันก่อนเห็นเขาจัดงานในคิโนะคูนิยะที่พารากอนแล้วแจกเสื้อกับให้ดูรอบพรีวิวฟรี แล้วแม่เล่นเกมได้มา เลยได้ไปดู  The Maze Runner มาเมื่อวันจันทร์ 15 กันยายน 2557

ที่เขาแบ่งบัตรมาก็ได้ไม่เยอะ เห็นมีของเอเชียบุ้คส์ก็มีแจก
เข้าไปดูในโรงก็คนไม่เต็ม ไม่รู้เป็นเพราะมีคนสละสิทธิ์ไม่มาดูรึเปล่า เลยทำให้หนาวมาก

เข้าไปดูที่โรง เมเจอร์สุขุมวิท ตรงเอกมัย  จอดรถตรงตึกสหกรณ์กรุงเทพ 4 ชั่วโมง 20 บาท

ไม่ได้ดูตัวอย่างไปก่อน เห็นแต่พวกโปสเตอร์ ป้ายหน้าโรงหนัง ก็เห็นเป็นเรื่องเขาวงกต
ก็รู้สึกว่า เรื่องวิ่งในเขาวงกตแล้วหาทางออกไม่เจออะไรรึเปล่า
แต่แม่ก็บอกว่าเป็นเรื่องเหมือนเกม survivor

ได้ไปดูแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นเรื่องทางจิตวิทยา เรื่องการเอาตัวรอดของเด็กกลุ่มนึง ที่ทำให้เห็นคนกลุ่มต่างๆ สะท้อนคนในสังคมได้เหมือนกัน

ถ้าเราถูกจับไปไว้ในที่แบบนั้นบ้างจะ react ยังไงนะ หรืออาจจะไม่กล้าทำอะไรเลย อยู่แบบเดิมไปชั่วชีวิต

ไม่ค่อยเข้าใจส่วนที่เขาขึ้น subtitle แปลว่า "โลกนี้มันโหด "สักเท่าไหร่
แต่ดูจบแล้วก็เออ โลกนี้มันก็โหดจริงๆ เราก็อาจเป็นคนนึงที่อยู่ในเกมโดยไม่รู้ตัวก็ได้

มีต่อในบทความนี้

ดูเรื่อง เมซ รันเนอร์ Maze runner แล้วรู้สึกยังไง (สปอยล์)(ความเห็นส่วนตัว)
http://ainiyukimasu.blogspot.com/2014/09/maze-runner_24.html

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

คนดังในการเล่นหุ้น ถ้าประสบความสำเร็จจริงจะเห็นในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

บางคนที่บอกว่าตัวเองเป็นเซียนหุ้น ออกมาตามสื่อ เห็นในกลุ่มเฟซบุคหรืออะไรก็ตาม ก็อาจจะเริ่มเป็นที่สงสัยว่าเขาประสบความสำเร็จจริงมั้ย

บางคนที่ออกมาบอกว่าได้เยอะเท่านั้นเท่านี้ จริงๆแล้วเขาได้จริงมั้ย อะไรที่เราจะรู้ได้ในเมื่อเราไม่ได้ไปเห็นพอร์ตของเขา

ดูตามกระทู้ก็เห็นอย่างคอมเม้นต์ที่บอกว่า คนๆนี้ถ้าเขาได้จริงก็น่าะจะเห็นชื่อในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
ก็รู้สึกว่า เออ นั่นสินะ ถ้ารวยมากจริงๆ ก็คงมีการเทคโอเวอร์บริษัทได้ อย่างพวกวอร์เรน บัฟเฟต อะไรอย่างนี้

แต่ก็ยังไม่เคยไปเสิร์ซอะไรจริงจังว่าคนดังคนนั้นคนนี้มีหุ้นในบริษัทอะไรเยอะ

สำหรับคุณเคน โสรัตน์
เคยไปฟังพูดสัมมนาที่เขาเป็นพิธีกร
ดูทีวีช่องของตลาดหลักทรัพย์ก็เจอเขาเพราะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในโครงการ Your first stock
ได้ยินว่าเขาก็ประสบความสำเร็จ

พอดีเห็นข่าวสรุปในเมลจากโบรกเกอร์เรื่องการซื้อขายหุ้นของผู้บริหาร ที่จะส่งมาเป็นระยะๆ
เจอชื่อเขาพอดี ว่าเขาซื้อหุ้น RS
เลยลองกดไปดูในข้อมูลบริษัท ส่วน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เจอจริงๆ

ว่าแต่ระดับนี้ยังมาพูดสัมมนาให้เราฟังนี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีของผู้น้อยอย่างเรามาก



http://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=RS&language=th&country=TH
จาก เวบไซต์ตลาดหลักทรัพย์

สัมมนา money talk @set 14 กันยายน 2557

พอดี 14 ก.ย. 57 ไปสัมมนาช่วงเช้ากับโครงการ first stock เลยได้มีโอกาสเจองาน money talk ช่วงบ่าย
ทัน walk-in พอดี แต่ก็ไม่มีที่นั่ง คนเยอะมาก และได้นั่งที่บันได
คนนั่งที่บันไดเต็มทุกแถวและมีคนยืนด้านหลังด้วย ...ไม่เคยมางาน money talk มาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะจองได้ด้วย แถมได้คูปองของว่างเป็นซาลาเปา ขนมปังและน้ำจากอเมซอน

วันนี้เป็นหัวข้อเจาะลึกหุ้นเข้าใหม่
เจอผู้บริหารธุรกิจที่เข้าตลาดมาไม่นานตามนี้
Sawad(ศรีสวัสดิ์)
Sutha (สุธากัญจน์)
Ktis (เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์  )
Takuni (ทาคูนิ)


ประเด็นที่ให้พูดก็เป็นเรื่อง

แต่ละบริษัททำธุรกิจอะไร

ผลประกอบการ/แนวโน้ม

ทำไมจึงน่าซื้อ
----------------------------------------------------------------------------------------------
รวบรวมมาตามความเข้าใจตามนี้

Sawad(ศรีสวัสดิ์)
รายละเอียด  ให้บริการสินเชื่อโดยมีหลักประกัน อย่างรถ บ้าน คอนโด
ก็มีวงเงินที่จะให้สินเชื่อจำกัดแบบคิด 30-70 เปอร์เซ็นต์ของราคาตลาดหลักประกัน (ไม่ใช่ราคามือหนึ่ง)
ดอกเบี้ยคิดตามกฎหมาย 15 เปอร์เซ็นต์

เน้นเป็นกันเอง สะดวก ใกล้บ้าน

มีการเติบโตขยายสาขา ปี57  1000 สาขา ปี 58 1200 สาขา
จะเพิ่มการขายประกันชีวิต สุขภาพ ประกันภัย

ครึ่งปีแรก กำไร 363 ล้านบาท โต 25-30 เปอร์เซ็นต์เทียบกับปี 56

Sutha (สุธากัญจน์)
ทำเกี่ยวกับปูนขาว โดยนำหินปูนมาเผาในเตา แต่ไม่มีเหมืองเอง จะทำสัญญากันล่วงหน้าและมีการส่งนักธรณีวิทยาเข้าไปช่วยวิเคราะห์แนะนำที่เหมือง
เน้นความเชี่ยวชาญ รู้จริง
การเผามีการควบคุมโดยระบบ ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
ปูนขาว เป็นด่างที่นำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม
เช่น เพาะปลูกก็ใช้ปรับดิน ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก กระดาษ โรงงานน้ำตาลก็ด้วย

กำไร ผลงานตามที่ตั้งใจ  มากกว่าปีที่แล้ว 23 เปอร์เซ็นต์ (ดูในเวบ set กำไร 73.89 ล้าน)
6เดือนหลัง ตามเป้า 20-25 เปอร์เซนต์
ความต้องการด้านเคมียังโตต่อได้เรื่อยๆ จากความต้องการเพิ่มตามสัดส่วนประชากร


Ktis (เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์  )
ทำน้ำตาลโดยมีการแบ่งผลประโยชน์กับชาวไร่อ้อย 70 เปอร์เซนต์ ทางโรงงาน 30 เปอร์เซนต์
มีการนำชานอ้อยที่เหลือมาทำเป็นพลังงาน  ชีวพลังงาน
จะมีการแปรรูปน้ำตาลในรูปแบบต่างๆ มีร่วมมือกับต่างชาติอย่างร่วมกับทางญี่ปุ่น

กำไร ครึ่งปี 1165 ล้าน เพิ่ม 28 เปอร์เซนต์จากปีที่แล้ว
มี 3โครงการ มีโรงไฟฟ้า 50 เมกกะวัตต์ 2 โรง กำลังก่อสร้าง


Takuni (ทาคูนิ)
มาจากชื่อ ลูกชาย + ลูกสาว  ฐากูร+นิตา (ไม่เกี่ยวกับญี่ปุ่น)
เกี่ยวกับแก๊ส ซื้อขาย ขนส่งแก๊ส LPG  ราคาที่ขึ้นลง ไม่ส่งผลกระทบ
ราคาเปลี่ยนจะส่งผลต่อส่วนที่จะต้องส่งให้รัฐ

บริษัทย่อย
จีแก๊สโลจิสติกส์-รับส่งของ ปตท. เอสโซ่ สยามแก๊ส
ทาคูนิ (ประเทศไทย) - ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ติดตั้งระบบท่อแก๊สตามโรงงาน/ร้านอาหาร รับเหมา  ให้เช่าตึก
ราชพฤกษ์วิศวกรรม- ทำการทดสอบโดยไม่ทำลาย  เช่นทดสอบถังแรงดัน

ครึ่งปี จดมาได้ว่า รายได้ 577 ล้าน 4 บริษัทรวม กำไร 14.6 ล้าน

แต่ดูในเวบ set รายได้ 557 ล้าน  4 บริษัทรวม กำไร 14.3 ล้าน
อันนี้ไม่แน่ใจว่าจดผิดมั้ย







วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

ตลาดหลักทรัพย์ เดินทาง จอดรถ เข้าตึก กินข้าว

ช่วงว่างๆมีเวลาลงทะเบียนสัมมนาที่ตลาดหลักทรัพย์ทันก็จะได้ไปสัมมนาบ่อยๆ นั่งฟังได้ความรู้ได้มุมมองของนักวิชาการ นักวิเคราะห์หลายคนดีเอาไว้ประกอบการพิจารณาของเรา

เรื่องกิน+เดินทาง
พอมาตลาดหลักทรัพย์บ่อยๆก็เลยเห็นว่าบางอย่างมันก็เหมือนจะสะดวกแต่ก็อยากหาจุดอื่นๆไปบ้าง เริ่มเบื่อกินที่เดิมๆ

เลยลองกินตรงใต้ตึกจอดรถด้านหลังบ้าง กินในเซเว่นข้างศูนย์สิริกิตต์บ้าง ไปตลาดคลองเตยบ้าง ไปอโศก(เทอร์มินัล)บ้าง

ใต้ตึกจอดรถก็มีโรงอาหารแต่ก็ดูเงียบเหงามีไม่กี่ร้าน ต้องให้ซื้อคูปอง ราคาไม่แพงเท่าศูนย์สิริกิตต์ (ประมาณสามสิบกว่าบาท)  แต่เวลาคนเยอะก็ขายหมดเร็ว และจานเล็ก แถมไม่น่ากินเหมือนในศูนย์สิริกิตต์ แถมเปิดแค่วันธรรมดา

ของศูนย์สิริกิตต์เมนูทั่วๆไปก็ห้าสิบบาท ถูกลงมาหน่อยมี 45 บาท แต่เดี๋ยวนี้ก็มีพวกขนมอย่างเครปนิ่มๆ วาฟเฟิล ไอติม น้ำ คอยล่อเราให้ซื้อกิน ทำให้บางทีกินเกินงบที่คิดไว้มาก
หรือบางทีเจองานแสดงสินค้า เผลอซื้อของชิ้นใหญ่ไปอีก (อันนี้อันตรายจริงๆ)
วันที่ไม่มีงานแสดงอะไรก็อาจจะปิดประตูที่เข้าศูนย์อาหารจากด้านข้างตึก

เมนูในเซเว่นเล็กๆ นี่เวลามางานที่ศูนย์สิริกิตต์ต้องเข้าแถวยาว ยื่นข้าวกล่องให้เวฟก่อนไปต่อแถว
เซเว่นก็อยู่ข้างศูนย์สิริกิตต์ฝั่งติดตลาดหลักทรัพย์ เดินเลยจากทางเข้าศูนย์อาหารไปหน่อย
(ช่วงเร่งรีบเขาก็มีอบแซนด์วิช /ไส้กรอกมาใส่ตู้รอให้หยิบได้เลย)

ประตูรั้วของตลาดหลักทรัพย์ที่เปิดให้เดินไปศูนย์สิริกิตต์ใกล้ๆก็เห็นเปิดเฉพาะช่วงวันธรรมดา
ช่วงวันหยุดจะล็อคโซ่ไว้ ก็เดินอ้อมนิดหน่อย ไปจากทางออกของรถยนต์

จริงๆอย่างตรงโรงงานยาสูบที่เป็นที่จอดรถเพิ่มเติมหลังศูนบ์สิริกิตต์ก็เคยเห็นมีเต้นท์ และมีขายข้าว น้ำชากาแฟตอนกลางวัน  ราคาสำหรับคนทำงานแถวนั้นกินกัน เดินตรงไปจากประตูที่รถเข้าผ่านหน้าเซเว่น  ตรงไปผ่านประตูรั้วไปที่จอดรถตรงโรงงานยาสูบก็จะเห็น

ถ้าสัมมนาแค่ช่วงบ่าย/เย็น ตอนกลับก็จะไปขึ้นรถเมล์ที่ผ่านเส้นพระรามสี่ได้ตรงตลาดคลองเตย
เดินจากตลาดหลักทรัพย์เลี้ยวขวาไปทางแยกคลองเตย ผ่านหน้าทางลงรถไฟใต้ดิน (สถานีศูนย์สิริกิตต์ทางออกตลาดหลักทรัพย์)
ไปเจอสะพานลอยที่เชื่อมกันเป็นสี่เหลี่ยม(จริงๆน่าจะห้าหกเหลี่ยม)ข้ามได้ทุกแยกตรงคลองเตย

ถ้าเดินข้ามแยกไปทางซ้ายป้ายรถเมล์จะใกล้หน่อย ตรงตลาดมีคนรอเยอะ ทางขวาไกลหน่อย

ส่วนที่กินตอนเย็น-ค่ำ จะไปกินทางฝั่งขวาก็มีร้านเปิดหลายร้านตามทางราคาตลาด ประมาณสามสิบบาท
เดินตรงขึ้นสะพานลอย ข้ามแยกไป ลงไปทางขวา
(ช่วงเช้า-กลางวันร้านข้าวจะอยู่ในซอยในตลาด)

ส่วนระยะห่างจากเทอร์มินอล ห่างมาก เดินไปไม่ชิว อาจเหงื่อแตกพลั่กก่อนถึง
เดินผ่านสวนสาธารณะไปอย่างยาว เหมาะสำหรับเวลาต้องการออกกำลังกายจริงๆ
ไปเทอร์มินัลด้วยรถใต้ดินจะดีสุด เพราะรถส่วนตัวก็ไปติดแหง็กอยู่แถวแยกอโศก-สุขุมวิท
มีรถเมล์ทางที่ไปแยกอโศกสามารถไปขึ้นได้ตรงป้ายก่อนถึงสะพานลอยแต่น้อยสาย รอนาน
(แต่มีรถเมล์ฟรี่ผ่านอยู่ 136)

จริงๆตรงข้ามสวนสาธารณะข้างศูนย์สิริกิตต์ก็มีพวกตึกที่ทำงานและมีศูนย์อาหาร แต่เดินก็ไกลอยู่ดี

เรื่องจอดรถ
ปกติเวลาสัมมนา จอดรถตรงตึกด้านหลังเขาก็จะให้ปั๊มบัตรสามารถจอดรถได้ฟรี บางงานก็ปั๊มจอดได้ทั้งวัน
มาห้องสมุดก็ปั๊มได้แต่ก็ได้ไม่กี่ชั่วโมง น่าจะ 4 ชั่วโมง
ตึกจอดรถ  จะมีเขียนว่าจอดได้ตั้งแต่ชั้น 3a
มีลิฟท์ที่จอดรถทั้งสองฝั่ง แบบอย่าง 3a ก็ส่วน ฝั่งด้านติดกับตึกหน้า 3b ก็เจอลิฟท์อีกตัว ลงไปหลังตึกจอดรถต้องเดินอ้อมมาด้านหน้า
ตอนไปจอดครั้งแรกก็งงเล็กน้อยว่ามันลิฟท์คนละตัวกัน


เข้าตึก
ตึกตลาดหลักทรัพย์นี่จะมีห้องสมุดอยู่ขวามือ (ถ้าหันหน้าเข้าหาตึก)
ทางเข้าสำหรับส่วน office ตลาดหลักทรัพย์ จะอยู่ตรงกลางตึก
เวลาเข้าตึก จะเห็นประตูกระจกตรงส่วนสีขาวทึบๆ เป็นบานประตูทางเข้า
เข้าไปต้องสแกนกระเป๋า มีเครื่องสแกนเหมือนสนามบิน ส่วนที่คนผ่านถ้าจะไม่ให้ดังก็เอาโลหะอย่างเหรียญ / มือถือ ออกใส่ตะกร้าก่อน  แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้ซีเรียสแบบดังแล้วกักตัวตรวจเหมือนสนามบิน

ถ้าไปชั้น 1-3 ก็จะไม่ต้องแลกบัตร
มีบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้น 2- 3 ได้เลย อยู่ทางซ้ายของเค้าน์เตอร์แลกบัตร

ชั้นสองจะเป็นส่วนของ money channel แต่ก็มีห้องน้ำสำรองสำหรับเวลาสัมมนามาใช้ตรงนี้ได้

ชั้นสาม เป็นห้องพวกสอบ license, ห้องเรียน tsi , ห้องศาสตราจารย์สังเวียน ซึ่งเป็นห้องใหญ่ ลงทะเบียนได้หน้าห้อง ขึ้นบันไดเลื่อนไปก็เจอห้องศ.สังเวียนอยู่ตรงหน้า  ส่วนโต๊ะลงทะเบียนอยู่ทางซ้าย

ถ้าเป็นพวก opportunity day   หรือสัมมนาเล็กๆตอนเย็น อาจจะจัดที่ชั้น 11 ซึ่งต้องแลกบัตรเข้าไป
ก็ใช้บัตรปชช.หรือใบขับขี่แลกบัตร เอามาแตะตรงทางเข้าไปลิฟท์  จะมีรปภ.บอกให้แตะบัตร
ชั้น 11 ใช้ลิฟต์ได้ทุกตัว  แต่ชั้นอื่นจะมีระบุไว้ว่าตัวไหนได้

เวลาสัมมนาเลิก 2-3 ทุ่ม ประตูด้านหน้าจะปิด  จะออกทางหนีไฟข้างๆลิฟท์ไปหลังตึก ออกไปก็เจอตึกที่จอดรถ
ถ้าอ้อมมาออกประตูด้านหน้า (ถ้าหันหน้าเข้าตึกจอดรถ)เลี้ยวขวาเดินออกมาใกล้ประตูทางออกมากกว่า
ประตูฝั่งรถเข้าเขาจะปิด เดินออกไม่ได้

ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ข้างสถานทูตจีน

ตลาดหลักทรัพย์ใหม่เปิดตั้งแต่ต้นปี 59 ทำให้โรงอาหารที่เก่าปิดไป แต่ห้องสมุดยังเปิดอยู่
(update 2017 ห้องสมุดที่ตลาดหลักทรัพย์เก่าปิดไปแล้ว)

ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น SIRI 12 กันยายน 2557

วันนี้(12 กันยายน 2557)ไปประชุมผู้ถือหุ้นของ SIRI มา
พบผู้สูงวัยจำนวนพอสมควรที่ถือหุ้นนี้แล้วบอกว่าขาดทุนอยู่
และมีคนเข้ามาพูดคุยกันหลายกลุ่ม แบ่งปันประสบการณ์บรรยากาศดูเป็นกันเองดีถึงแม้ดูเหมือนจะขาดทุนกันอยู่  และก็มีการเตือนกันในเรื่องการลงทุน
อันนี้ก็ดูเป็นเรื่องที่ดีที่ได้มารวมกลุ่มพบปะกัน

คาดว่ากลุ่มต่างๆที่รวมตัวกันอาจจะเคยพบกันมาหลายรอบตามการประชุมแต่ละครั้ง
รู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการคาดหวังให้กิจการกลับมาดี เกลี้ยกล่อมผู้บริหารอย่าขายหุ้น (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะขายหุ้นมาใช้หนี้จากการกู้ยืม (มาซื้อหุ้น?)อีกเมื่อไหร่)

มีคนให้ความเห็นแสดงความเป็นห่วงในกิจการ ผู้ถือหุ้นต่างอยากถามผู้บริหารในหลายๆด้านมากมาย
ทั้งในเรื่องการขายหุ้นของผู้บริหารที่เคยเกิดขึ้น
การนำเงินเพิ่มทุนไปลงทุนอะไร ไปใช้หนี้ อยากให้ระบุให้ชัด
สินค้าคงเหลือที่มีอยู่มีอะไรสัดส่วนเท่าไหร่ ระยะเวลาที่จะขายออกไป
ทิศทางการขยายกิจการต่อไป  (ลดสัดส่วนต่างจังหวัด)
เพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ไป ราคาใช้สิทธิ 2.5 บาท วอร์แรนต์จะมีค่าหรือไม่
ค่าใช้จ่ายในการโปรโหมตแบรนด์ จะมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มในอนาคต?
เรื่องการให้สิทธิหุ้นกับพนักงาน (ESOP) ให้โบนัสจะจูงใจพนักงานมากกว่ามั้ย

หลายๆอย่างผู้บริหารก็ไม่ได้ตอบในทันที คือเหมือนให้คนถัดไปพูดเลย
บางอย่างก็ยังไม่มีข้อมูล ต้องให้เจ้าหน้าที่ตอบ และท้ายๆก็เริ่มพูดติดๆขัดๆแล้ว
แบบอยากปิดประชุมแต่คนถามยังอยากถามต่อ
เลยมีหลายคำถามที่เหมือนยังไม่ชัดเจน

รายละเอียดที่รวบรวมมาได้

เรื่องนโยบาย
ต่อไปการวางแผนการเติบโตของเขาก็ไม่ได้จะขยายให้เติบโตมากเหมือนปีก่อนๆ
เนื่องจากมองภาพรวมเศรษฐกิจด้วย
ขยาย 7-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
จะทำให้หนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 1 เท่าในปี 2560
มี backlog ซึ่งจะรับรู้ในอีก 4 ปี
ครึ่งปีหลัง1หมื่น 4 พันล้าน ปีหน้า 23,600 ล้าน
มีการสร้างฐานให้โตมาก่อนหน้า ดังนั้นช่วงปีต่อๆไปอาจไม่ต้องพึ่งให้ยอดขายเข้ามามาก

ใน2ปีที่ผ่านมามีการขยายไปต่างจังหวัดมาก 40 เปอร์เซ็นต์ ใน 13 จังหวัด
40 เปอร์เซ็นต์เป็นบ้านเดี่ยว 15 เปอร์เซ็นต์เป็นทาวน์เฮ้าส์ 45 เปอร์เซ็นต์เป็นคอนโด
ระดับสูง รวม 30 เปอร์เซ็นต์ กลาง 35 เปอร์เซ็นต์ ต่ำ 35 เปอร์เซ็นต์
(จะลดสัดส่วนลงทุนในต่างจังหวัด จาก 40 เป็น 20 เปอร์เซ็นต์)
ไม่เน้นเพิ่มยอดขายให้ก้าวกระโดด แต่ความสามารถทำกำไรเพิ่ม คือรับรู้รายได้ส่วนที่ขายไปเดิม

รวมผู้มีความชำนาญด้านต่างๆ(ก่อสร้าง ออกแบบ จัดซื้อ)ร่วมมือกัน   เพื่อลด defect
ลดการใช้วัสดุก่อสร้าง
เพิ่มกำลัง precast
ส่วนกำไรอาจจะไม่สามารถเพิ่มได้มาก  เพิ่ม 0.5-1 เปอร์เซ็นต์ใน 3 ปี

ที่ผ่านมามีการลงทุนเรื่องแบรนด์สูง
อ้างว่าจากการสำรวจเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงที่สุดในตลาดอสังหา
(มีคนอ้างประมาณว่าแข็งแรงจริงรึเปล่าเนื่องจากเคยมีปัญหา บ้านร้าว แจ้งซ่อมแล้วไม่มีการติดต่อมา  แน่ใจว่าพนักงานดีสมควรได้รับสิทธิ์ (อย่าง esop)?  แล้วก็มีข่าวเรื่องยัดโฟม ในคอนโด อะไรอย่างนี้ )
ต่อไปจะไม่ไปลงทุนกับเรื่องแบรนด์เยอะ
ปรับกลยุทธ์ส่วน media ให้มีประสิทธิภาพ

คุมค่าใช้จ่ายการบริหารให้น้อยที่สุด
สร้างมาตรฐาน มีการวัดผล ประเมินพนักงาน
ให้พนักงานทำงาน multitask

ส่วนการเพิ่มทุน
ต้องการทุนเพิ่มเพื่อขยับส่วนรายได้ (จะนำไปใช้หนี้ด้วย  ช่วงนี้อาจชะลอลงทุนใหม่ แต่ถ้าจะลงทุนขยายก็จะมีการกู้เพิ่ม)
มีการเปรียบเทียบกราฟพวกรายได้ กำไร ทุนกันระหว่าง 3 รายแสดงให้ดู

สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิมให้ 3 หุ้นต่อ 1 หุ้นใหม่
ราคาใช้สิทธิ์ 1.3 บาท แถม warrant 1หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่
ซึ่งส่วนที่จะแถมนี้เขาก็ใช้คำว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ SIRI w2 ซึ่งจะมีราคาใช้สิทธิ์ที่ 2.5 บาท
ถ้ามี warrantแถมอันนี้ จะเริ่มใช้สิทธิ์ได้อีกปีถัดไป (ธ.ค. 2558)

(ซึ่งก็มีคนท้วงว่าจะมีราคาใช้สิทธิ์ที่ 2.5 บาท วอร์แรนต์ที่เขาออกก็จะยังไม่มีค่าในตลาดเมื่อเข้าเทรด
แบบว่าถ้าราคาปัจจุบันสองบาท วอร์แรนต์มีราคาใช้สิทธิ์ 1.5 บาท เมื่อเข้ามาในตลาดให้ซื้อขายได้ก็จะมีราคา ส่วนต่างกับราคาปัจจุบันได้ 0.5 บาท)

เท่าที่เข้าใจในเรื่องการเพิ่มทุนอันนี้ก็คือ จะได้หุ้นมาเพิ่มในพอร์ทเราก็ต้องไปจองซื้อก่อนตามสิทธิ์ที่จองซื้อได้
อย่างถ้าเดิมมี 100 หุ้น จะมีสิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ คือ 100/3 เท่ากับประมาณสามสิบสามหุ้น จ่ายเงินเท่ากับ 1.3*33 หุ้น เท่ากับ 42.9 บาท
(อันนี้จะจองเกินสิทธิ์ก็ได้)

(เรื่องการจ่ายเงินนี่ก็มีคนท้วงว่าจะจ่ายแบบโอนเงินเหมือนที่อื่นได้มั้ย เป็นเช็คมันยุ่งยาก มีค่าธรรมเนียม แล้วก็เผื่อหาย)

พอไปจองซื้อหุ้นมาแล้วเราก็จะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ siri w2 แถมมา ซึ่งใบอันนี้ก็จะให้สิทธิ์เราจองซื้อหุ้นได้เพิ่มตามจำนวนที่ได้รับสิทธิ์ ในราคาหุ้นละ 2.5 บาท อายุ 3 ปี อีกประมาณปีกว่า เริ่มเอาไปจองซื้อได้(เริ่มตั้งแต่ปลาย ธ.ค. ปี 58- ธ.ค. ปี 60)
คือได้มาอีก 33 หน่วยวอร์แรนต์ นำไปแปลงซื้อหุ้นเพิ่ม 33 หุ้น หุ้นละ 2.5 บาท เป็นเงิน 82.5 บาท

รายละเอียดเอกสารที่ส่งตอนเชิญประชุมหาได้ในเวบไซต์
http://www.sansiri.com/th/investor/meeting.aspx


มีการออกสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี่ให้กับพนักงานด้วย แต่ของพนักงานจะเรียก ESOP ระบุระยะเวลา ห้าปี จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ปีละ 20 เปอร์เซนต์ เท่านั้น ถ้าปีแรกไม่ได้ใช้สิทธิ ปีต่อไปก็สามารถใช้สิทธิ์รวมส่วนของปีแรกได้ เห็นเขาบอกว่าต้องการเหมือนเป็นการจูงใจให้พนักงานอยู่ต่อนานๆ
ตอนแรกก็เข้าใจว่าเขาจะแบ่งให้พนักงานในระดับธรรมดาด้วย
เขาก็ชี้แจงว่าให้อย่างระดับกรรมการบริษัทลูก ไปจนถึงระดับผู้ช่วยผู้จัดการ
อย่างตัวผู้บริหารที่มานั่งที่ประชุมจะไม่ใช่ระดับที่ได้
(ให้ในระดับสูงเพราะคาดว่าจะได้ในเรื่องการจูงใจมากกว่า)

เรื่องคำถามตอบต่างๆก็เห็นมีคนรวบรวมไว้ในพันทิปเหมือนกัน
แต่เราก็มีจดไว้บ้าง เอาที่จำๆได้บ้างมารวบรวมไว้ด้วย

คำถาม คำแนะนำ ความเห็นส่วนตัว
มีคนให้คำเตือนกับคนที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุน ให้คิดดีๆ (เห็นว่าคนพูดรู้จักกับผู้บริหารมานาน)
หลายๆที่จะทำแบบเดียวกันคืออยากให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเลยมีการแจกวอร์แรนต์แถมไปด้วย
แต่ราคาใช้สิทธิ์ที่กำหนดเป็น 2.5 บาทนั้น ถ้าเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 2.04 บาท วอร์แรนต์จะยังไม่มีค่า
ถึงเวลาที่จะใช้สิทธิ์ได้จริงในอีกปีสองปี ก็ไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ warrant ที่ได้มาจะนำไปใช้สิทธิ์ได้คุ้มหรือไม่
เขาก็ถามในเรื่องการปรับสิทธิ์ว่าจะสามารถปรับราคาใช้สิทธิ์ได้ไหม (แบบตามสถานการณ์)
ผู้บริหาร(ประธาน) รีบตอบประมาณว่าที่ประชุมอนุมัติแล้วไม่สามารถเปลี่ยนได้
ก็มีการโวยเหมือนกัน
คนโวยเขาก็เสนอว่าถ้ามีสถานการณ์ก็ให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นและอนุมัติได้
(จริงๆอ่านในใบเอกสารที่เขาให้ก็เขียนทำนองว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนราคาใช้สิทธิ์ได้ภายหลัง)

เขาก็พูดบอกผู้บริหารอย่าขายหุ้นด้วย ให้อยู่ด้วยกันไปก่อน

เรื่องการขายหุ้นผู้บริหารก็เห็นเป็นประเด็นพูดกันมานาน วันนี้ได้มาฟังผู้บริหารพูดเอง
ประเด็นนี้แหละที่ทำให้คนไม่เข้ามาซื้อหุ้นกัน  เจอผู้บริหารขายไปก็เงิบกันหมด
เรื่องนี้ที่ทางผู้บริหารที่เป็นข่าวเรื่องขายหุ้น คุณ เศรษฐา ทวีสินชี้แจง
ว่าเขาเคยมีหุ้นมาก แล้วตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็โดนบังคับขาย เห็นเขาว่าเป็นการแปลงหนี้สินเป็นทุน
แล้วหลังจากนั้นเลยมีการซื้อหุ้นกลับมา ยี่สิบเปอร์เซนต์ เพื่ออำนาจในการบริหาร
แล้วมีการขายออกไปเพื่อใช้หนี้
(ที่กู้มาซื้อหุ้น?)
ถ้าต่อไปพร้อมก็จะซื้อกลับมาอีก หรือถ้าผู้บริหารอีกสองท่านจะซื้อก็ยินดี

เรื่องเพิ่มทุนว่าจะเอาเงินไปทำอะไรก็มีคนถามขึ้นมาให้บอกให้ชัดเจน
ผู้บริหารก็ตอบประมาณว่ามีหลายส่วนเลยระบุชัดเจนไม่ได้ว่าเงินก้อนนั้นจะถูกใช้ในส่วนไหน
แบบว่ามีไปชำระหนี้ด้วย แล้วต่อไปก็เผื่อสำหรับการลงทุนเพิ่มในอนาคต

ดูจากยอดขายที่รอโอน (รอที่จะบันทึกการรับรู้รายได้) ก็มีอยู่มากเหมือนกัน เหมือนผู้บริหารบอกว่าผลประกอบการดี แต่ก็มีจุดนึงที่คิดว่าจะมีผลกระทบ คือกรณีคนจองไปแล้วไม่สามารถโอนได้ (พวกที่กู้ไม่ผ่าน หรือเอาใบจองมาคืน)  จากข้อมูลที่เขาให้ เห็นว่า ครึ่งปีหลังมีรอรับรู้รายได้ 1 หมื่นสี่พันล้าน ปีหน้าอีก 2 หมื่น3พันล้าน

เห็นว่ามีสินค้าคงเหลือ ประมาณแปดพันล้านซึ่งจะใช้เวลาขายออก 3-4 เดือน ถ้าดูจากยอดขายเฉลี่ย
 (ปกติ คงเหลือ สามสี่พันล้าน  ระยะเวลาระบาย/ขายออก  1 เดือน)
ในส่วนที่คงเหลือนี่เป็นแนวราบกับคอนโด สัดส่วน คอนโด สี่พันล้าน แนวราบ สี่พันล้าน
กทม.ห้าพันล้าน ต่างจังหวัด สามพันล้าน
ไม่มีนโยบายลดราคาเพื่อปล่อย เป็นการกัน margin ไว้
(มีคนท้วงประมาณว่า เอาไว้อย่างนี้จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้แทนรึเปล่า)
(มีคำถามว่าจะมีวิธีการยังไงถ้า 8 พันล้านนี่ขายไม่ออก)
จุดนี้มีแต่คนยิงคำถามจนเขาเริ่มบอกจะปิดประชุมก่อน เห็นผู้ถือหุ้นกลับๆกันแล้ว
แล้วจะให้เจ้าหน้าที่มาตอบสำหรับคำถามที่ท่านถาม

สำหรับส่วนที่เกิดจากการนำไปจองมาคืน หรือไม่สามารถโอนได้ จึงนำมาคำนวณเป็นรายได้ไม่ได้
เขาก็บอกว่ามีเพิ่มขึ้น

มีคนเตือนว่าลงทุนต่างจังหวัดไม่ง่ายเหมือนในกทม. ที่ปรับนโยบายสัดส่วนต่างจังหวัดลงเพราะเจอปัญหารึเปล่า
เขาก็บอกว่าที่ปรับสัดส่วนลงก็เพราะได้ขยายงานต่างจังหวัดไปมากในช่วงก่อนแล้ว
และจะปรับให้เหมาะกับการเติบโตของกทม.

ผู้บริหารบอกประมาณว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องการลงทุนต่างจังหวัดว่าจะลงจังหวัดไหน เพราะไม่ได้มีการซื้อที่เอาไว้ก่อน อาจจะซื้อไม่กี่เดือนล่วงหน้าที่จะทำ ก็เลยยังไม่สามารถระบุได้ อาจจะแล้วแต่สภาพการณ์

มีการถามเรื่องเพิ่มทุน 4 พันล้าน จะนำไปใช้ลดหนี้เท่าไหร่ สถานการณ์จะดีขึ้นหรือ มีการเสริมสภาพคล่องอย่างไร  สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดเหลือเท่าไหร่
ตรงนี้ดูเหมือนเขาก็ยังไม่ได้เตรียมมาตอบ เริ่มจะโยนให้เจ้าหน้าที่ตอบ

ตอนปิดประชุมผู้บริหารก็เดินออกแยกย้าย  มีการรวมกลุ่มของผู้ถือหุ้นรวมความเห็นกัน
ทางคนที่พูดเรื่องผู้บริหารขายหุ้นก็เรียกคุณเศรษฐา ย้ำเรื่องให้อยู่ด้วยกันก่อนอย่าขายหุ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกไป
อย่างทางประธานก็เห็นมีการมาคุยกับกลุ่มย่อย
มีคนสงสัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านแบรนด์ อย่างเห็นแสนสิริในพารากอน ก่อนจะแยกย้ายกัน
(เขียนล่าสุด 13 กันยายน 2557 ค่ำๆ)



10 ตุลาคม 2557
วันนี้เจอว่ามีประกาศรายงานการประชุมที่เป็นทางการ ออกมาตั้งแต่ 26 กันยายน 2557
ตามลิงค์นี้

http://www.sansiri.com/th/investor/minute.aspx

27-31 ตุลาคมนี้เป็นวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ตอนนี้ยังไม่ได้เอกสารเรื่องการจองซื้อ

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

งานสัมมนา เปิดตัวหนังสือ คิดแบบภาววิทย์ ที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์

เมื่อวันก่อนไปงานเปิดตัวหนังสือของภาววิทย์มา (10 กันยายน 2557)

ด้วยความที่ไปห้องสมุดมารวยตรงตลาดหลักทรัพย์ประจำเลยเจอแผ่นโฆษณาให้จองที่นั่งสัมมนาเปิดตัวหนังสือ มีแบบโทรจองกับแบบในเวบ เลยไปสมัครเวบเพื่อจองสัมมนา เห็นให้ไปก่อนครึ่งชั่วโมงก็ยังสงสัยว่าจะมีคนไปก่อนเยอะมั้ย

แต่พอจริงๆไปถึง ก่อนครึ่งชั่วโมงก็ต้องตกใจที่คนนั่งกันเกือบเต็มแล้ว เว้นที่ไว้ไม่กี่ที่เท่านั้น
เลยไปนั่งด้านหน้าเลย

ถ้าไปช้าที่นั่งก็เต็ม  นี่เป็นผลจากการโปรโหมตของเขาจริงๆ ขนาดบ่ายวันธรรมดายังขนาดนี้

วันก่อนที่เข้าไปฟังเรื่องอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเห็นคนน้อย รับลูกค้าบัวหลวงแค่ 30 คน แป๊บเดียวเต็ม
วันนี้มากันเต็มเชียว

ไปเข้าฟังก็อยากจะดูว่าเขาจะพูดยังไงกับ theme ที่เปลี่ยนไป จากเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่เขาพูดเรื่อง asset มาเป็นเรื่องเปิดตัวหนังสือ คิดแบบภาววิทย์ ในหัวข้อ "รวยได้อย่างที่คิด คิดแบบภาววิทย์"

ปรากฏว่าฟังไปแล้วก็รู้สึกเหมือนสัมมนาอย่างเดิมซ้ำอีกรอบ เปลี่ยนคำพูดบางอย่างเล็กน้อย แต่เรื่องแนวๆเดิม (ไม่รู้ว่าจำได้มั๊ยว่ามีคนฟังไปแล้ว)

ให้ความรู้สึกว่า ถ้าฟังสัมมนาที่เขาไปพูดฟรีแล้วรอบนึง ก็ไม่ควรไปฟังสัมมนาแบบจัดฟรีอีกรอบนึงมั๊ย
เหมือนตอนอ่านหนังสือที่อ่านไปอ่านมาเรื่องประสบการณ์จะคล้ายๆซ้ำกับตอนเดิมในเล่มก่อน
คือประสบการณ์ของคนมันก็อาจจะมีจำกัด เล่าถึงเรื่องอะไรขึ้นมาบางทีก็จะไปอิงกับเหตุการณ์เดิมที่เคยรับรู้มาอะไรอย่างนี้

ฟังอีกรอบนึงอาจจะเริ่มเล่าแทนเขาได้  มั้งนะ

เวลาเขาพูดก็เป็นแบบที่คนทั่วๆไปจะเข้าใจได้ก็รู้สึกว่าดี สามารถเข้าถึงคนหมู่มากมีคนติดตามเยอะ และมีคนซื้อหนังสือต่อคิวรับลายเซ็นเพียบ ซึ่งเห็นเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่
หนังสือเล่มนี้ก็ดูเหมือนว่าอยากจะเขียนให้คนเข้าใจง่ายขึ้น เขียนเรื่องแนวคิด
เท่าที่เคยอ่านเล่มก่อนๆก็จะเป็นพวกวิเคราะห์มีทั้งข้อมูลเรื่องหุ้นเรื่องเศรษฐกิจอะไร คนที่เริ่มต้นอาจจะยังไม่เข้าใจ
แต่เล่มนี้ก็ยังได้แต่เปิดอ่านผ่านๆ ไว้ลองหาอ่านดูอีกที
คิดว่าอาจจะได้คนติดตามเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงคนหมู่มาก



วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

สัมมนา จัดสรรพอร์ตการลงทุนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กับ หลักทรัพย์บัวหลวง

สัมมนา จัดสรรพอร์ตการลงทุนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นี้จัด 7 กันยายน 2557 พอดีกดเข้าไปในเวบบัวหลวงเห็นสัมมนาอันนี้ว่างอยู่ รับแค่ 30 ที่นั่งแถมต้องจองก่อนภายในไม่เกิน 2 วันล่วงหน้า รีบกดเข้าไปจอง เห็นว่ามี แพท ภาววิทย์ มาพูด อยากลองฟังดูว่าเขาสัมมนาเป็นอย่างไร หลังจากที่อ่านหนังสือเขาไปสองสามเล่มจากห้องสมุดมารวย แล้วเห็นว่าเขาศึกษาหลายด้าน และบางอย่างก็มองแนวโน้มไว้ตั้งแต่อดีต ซึ่งมาสอดคล้องกับปัจจุบัน

จริงๆวันนี้คิดว่าเขาจะมาพูดเรื่องกลุ่มอสังหาโดยตรง แต่คิดๆไปแล้วด้วยความที่จัดที่แสนสิริเลานจ์ เลยคงพูดถึงเจ้าอื่นๆไม่ได้ เป็นการพูดโดยรวมๆ
(ลึกๆก็แอบอยากให้วิเคราะห์แนวโน้มความก้าวหน้า โอกาสทำกำไรของอสังหาเจ้าต่างๆให้ฟังเหมือนกัน แบบว่าจะใกล้ฟองสบู่แตกรึอะไรจะดูยังไง)

มาฟังครั้งนี้แล้วก็รู้สึกว่าเขาสามารถพูดได้เหมาะกับการที่ให้คนทั่วไปฟัง เหมือนสไตล์ทอล์คโชว์
ถึงจะนำกราฟมาโชว์แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามือใหม่จะดูไม่เข้าใจเพราะไม่ได้ใช้ศัพท์อะไรมากมาย เป็นเรื่องที่คนทั่วๆไปจะเข้าใจได้

บางทีก็รู้สึกว่าเขาพรีเซนต์ตัวเองมาก แต่การพรีเซนต์ตัวเองแบบนี้ก็เป็นส่วนนึงที่คนจะรู้จักได้มากในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้  เห็นคนรอบๆข้างที่พรีเซนต์ตัวเองต่างก็โดดเด่น เด่นดังในสาขาที่ตัวเองมีประสบการณ์หรือเชี่ยวชาญ จนคนเชิญไปสอน ไปสัมมนา ซึ่งก็เป็นเรื่องดีกว่าเก็บเงียบไม่พรีเซนต์ตัวเอง

ดูแล้วเขาก็มีความมั่นใจในการพูดในการพรีเซนต์ และพูดได้คล่องเหมือนคุยไปเรื่อยๆแต่มีประเด็นที่เตรียมไว้แล้ว

วันนี้เขาก็พูดเรื่อง asset โดยโยงจากเรื่องใกล้ๆตัว ทำให้เข้าใจได้ง่ายแม้ไม่มีพื้นฐานอะไร
พูดถึงการลงทุนในที่ดิน ในหุ้น มีเรื่องวงจรขึ้นลงของราคา จังหวะในการซื้อ ขาย
มีสรุปเป็นคำให้เราจำง่ายด้วย

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

สัมมนา การลงทุนสไตล์สนุกกับนักวิเคราะห์คุยสนุก

ไปเจอประชาสัมพันธ์สัมมนาอันนี้แล้วเลยเข้าไปลงทะเบียนในเวบสนุกดอทคอม
วันนี้(6 กันยายน 57)เข้าไปฟังก็สายแล้ว เพราะไม่ตื่น เลยนั่งด้านนอกห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์

จุดประสงค์ที่ไปก็เพราะจะได้เห็นน้องนานิเป็นพิธีกรร่วมกับคุณทีน่าซึ่งเป็นพิธีกรมืออาชีพอยู่แล้ว

ไม่เคยรู้ว่าเวบสนุกนี่มันมีเรื่องลงทุนเข้าไปประชาสัมพันธ์เหมือนกัน เหมือนจะจับกลุ่มคนส่วนใหญ่
แต่พอไปฟัง มันก็ค่อนข้างขั้นสูง มีการกล่าวถึงศัพท์ต่างๆในการดูงบการเงินหรือศัพท์ที่ใช้กันบ่อยในการเล่นหุ้น เลยคิดว่ามันก็ค่อนข้างขัดกับการดึงคนมาจากเวบสนุกอยู่เหมือนกัน
รู้สึกว่าโปรแกรมอย่างนี้อาจจะต้องเตี๊ยมกับผู้ร่วมรายการให้พูดขยายความศัพท์ต่างๆบ้าง
แต่เราก็พอจะฟังเข้าใจเลยไม่มีปัญหานัก

นานๆจะมานั่งด้านนอกสักที แต่คราวก่อนๆที่นั่งนอกห้องประชุมแบบนั่งดูทีวีที่ฉายจากห้องประชุมก็ไม่รู้สึกรำคาญเสียงคุยของเจ้าหน้าที่ขนาดนี้ ครั้งนี้แบบว่าเจ้าหน้าที่คุยกันเสียงดังเกิน ไม่รู้เป็นเพราะเป็นงานที่จัดร่วมกับเวบอย่างสนุก หรือแอพวีแชทรึเปล่าที่เขาจะไม่คุ้นกับบรรยากาศสัมมนาในตลาดหลักทรัพย์ที่คนจะตั้งอกตั้งใจฟังกันมาก คือเสียงจากทีวีมันก็ไม่ได้ดังมากและมีเสียงรบกวนจากเจ้าหน้าที่คุยกันเลยรู้สึกแบบเหมือนอยู่ห้องเรียนสมัยประถม-มัธยมที่อยากจดชื่อคนคุยส่งครู

อีกอย่างที่รู้สึกก็คือเวลาตั้งชื่อสัมมนา มันทำให้คนคาดหวังเรื่องความสนุก (เข้าใจว่าเป็นเพราะทำร่วมกับเวบสนุก)
อย่างเราก็แอบหวังว่าคงเป็นแบบย่อยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนมาคุยแบบง่ายๆเพลินๆ
แต่เข้าไปฟังจริงๆก็ไม่ค่อยเป็นในแนวแบบที่คิด
ถ้าจะจับกลุ่มคนทั่วไปให้เข้ามาสนใจการลงทุนในใจเราก็ยังชอบแบบวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจหรือการกระจายจัดพอร์ตการลงทุนแบบไม่เน้นหุ้นอย่างเดียวมากกว่าเอากราฟหุ้นขึ้นมาให้ดูหลายๆอัน
หรืออาจเป็นเพราะว่าเราเข้าไปฟังช่วงกลางๆ เขาอาจมีการเกริ่นนำไปมากแล้วก็ได้
จริงๆมันก็ดีเป็นการเตือนสำหรับคนที่ิคิดจะเข้าลงทุนหุ้น ณ ตอนนี้  แบบเอามาให้เห็นว่าอย่างตอนนี้มันสูงแล้วต้องระวัง อะไรอย่างนี้

สัมมนา Quantitative Strategy ของหลักทรัพย์บัวหลวง

ช่วงนี้เริ่มเข้าฟังสัมมนาที่เป็นระดับสูงขึ้นกว่าเดิม  คือคิดว่าฟังสัมมนาต่างๆมาระดับนึงก็น่าจะพอเข้าใจระดับสูงขึ้นได้บ้าง เมื่อวันพฤหัส ที่ 4 ก.ย. เลยไปฟังเรื่อง Quantitative Strategy ของหลักทรัพย์บัวหลวง

ลงทะเบียนไปฟังโดยที่ไม่รู้หรอกว่าเขาจะพูดเกี่ยวกับอะไร และไอ้ Quantitative Strategy นี่คืออะไร
แต่เป็นคอร์สที่ว่างในขณะที่พวกสัมมนาวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนี่คนลงเต็มไปแล้ว

ไปฟังมาก็รู้สึกว่า เออ ใช้บริการมานาน ไม่เคยไปอ่านรีเสิร์ซของเขาอย่างเต็มรูปแบบเลยสักที
ถ้าศึกษาเพิ่มสักหน่อยก็อาจจะได้ประโยชน์มาวิเคราะห์ปรับการลงทุนของเราได้เหมือนกัน

ลงทุนมาอย่างมั่วๆเองกะราคาเองมาหลายปี ไม่เคยดูวิเคราะห์พื้นฐานอะไรอย่างจริงจัง มาช่วงนี้ได้เข้าฟังนู่นนี่ก็เริ่มรู้สึกว่า นี่เราไม่ได้สนใจพื้นฐานจริงๆจังๆเลย มัวแต่ดูว่าหุ้นจะขึ้นไม่ขึ้นอยู่

เขาก็มีการวิเคราะห์จัดกลุ่มหลักทรัพย์ตามปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคและมีตัวอย่างการจัดพอร์ดให้ดู
มีการจัดว่าช่วงนี้กลุ่มไหนดีทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค มีการเรียงลำดับมา
แต่ทำ ทุกสองอาทิตย์ บางทีก็อาจจะใช้แนวทางเอามาปรับกับการลงทุนของเราได้
แต่ก็ต้องติดตามข่าวร่วมด้วยและหัดวิเคราะห์จัดลำดับเองก็อาจจะได้ทันสมัยกว่า

อย่างปัจจัยพื้นฐานเขาก็ดูหลายๆอย่างประกอบกัน อย่าง P/E  EPS Dividend ROE อย่างเรื่องเทคนิคก็ดูพวกแนวโน้ม กระแสเงินเข้า

เวลาจะดูบทวิเคราะห์ เพิ่งเข้าไปดูเห็นว่ามันเลือกได้ว่าเอาบทวิเคราะห์ประจำเดือนหรือประเภทอื่น (ปกติดูแต่ประจำวัน)
ในเมนู บทวิเคราะห์&ข่าว แล้วเลือกเมนูย่อย บัวหลวงวิเคราะห์ข่าว มีให้เลือกเป็น drop down menu ว่าจะเป็น category ไหน

อันนี้ก็เป็นสัมมนาเฉพาะลูกค้าที่เหมือนอธิบายรีเสิร์ซให้อ่านเข้าใจ

เพิ่มภาพหน้าจอเมนูในเวบหลักทรัพย์บัวหลวง

กดในเมนูหลัก


 เข้ามาหน้านี้เลือกตรง category


วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

สรุปความรู้ที่ได้จากสัมมนา DW ของโบรกเกอร์ต่างๆ(1)


จากที่ไม่รู้เรื่อง DW เลย และไม่ได้ลองเริ่มศึกษาอะไร แต่ไปลงสัมมนาที่ทางโบรกเกอร์ต่างๆมาจัดอบรมที่ตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ได้เริ่มรู้มาทีละเล็กทีละน้อย

แต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีประสบการณ์และข้อมูลที่เตรียมมา รวมทั้งความพร้อมเรื่องผลิตภัณฑ์ต่างกัน

ฟังแล้วก็ได้ความรู้และได้ฟังคำถามที่นักลงทุนคนอื่นๆอยากรู้ บางอย่างก็ทำให้ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้เหมือนกัน บางทีเวลาหาความรู้เองก็อาจจะต้องอ่านเยอะ อ่านหลายๆทาง  การนั่งฟังหลายๆเจ้าก็ได้มุมของหลายๆที่เหมือนกัน

อย่างตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน
ลองรวบรวมเรื่องเท่าที่รู้มาดู

DW หรือที่เรียกว่า Derivative Warrant  ถ้าจะแปลตรงๆก็จะเป็น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

นิคมอุตสาหกรรมนวนคร การเดินทาง

ได้ไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนครมาหลายปี อยากจะเขียนสรุปไว้หน่อย
เดินทางจากกทม.ไปได้ทั้งรถเมล์ รถตู้ และรถส่วนตัว

ส่วนตัวเจอปัญหากับรถติดในกรุงเทพฯเลยอยากจะออกไปนอกเมือง ได้ไปเจอนิคมนี้ก็มีที่อยู่อาศัยภายในนิคมเลย สามารถเดินไปกลับที่ทำงานกับหอได้เลย แต่ก็ยังมีรถรับส่งของบริษัทบริการด้วยเพราะเดินเข้าไปในบริษัทไกล

รถติด
ตั้งแต่อยู่มาก็เจอปัญหารถติดตอนเข้างานและเลิกงาน  คนจะออกันเข้าออกนิคม
ตอนเข้างานก็รถเยอะตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงเช้า แบบติดกันอยู่ยาวตั้งแต่แถบเลยม.ธรรมศาสตร์รังสิตมาหน่อย เพราะต้องออกมาจากเลนหลัก เข้าเลนเล็กฝั่งซ้ายก่อนเข้านิคมนานเหมือนกัน
และขาออกเลิกงานยังมีปัญหารถติดก่อนเลี้ยวกลับไปฝั่งขาเข้ากทม. ที่เป็นคอขวดตรงสะพานเลี้ยวกลับแถวม.วลัยฯ   แต่ตอนนี้มีการสร้างสะพานให้สามารถเลี้ยวกลับได้จากทางออกนิคมเลย
ซึ่งการก่อสร้างก็ทำให้รถติด และทางเข้าตรงระหว่างโลตัสและบิ๊กซีแคบ แถมมีเวลากำหนด อย่างหลังเลิกงานก็ให้รถออกได้อย่างเดียว  บางทีถ้าเลยจากทางเข้าตรงพระพรหมมาก็เลี้ยวเข้าไปในบิ๊กซีเลยแล้วค่อยออกหลังบิ๊กซีเข้านิคม

เลี้ยวกลับ
เลี้ยวกลับมีทางให้เลี้ยวกลับแถวม.วลัยฯ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีตลาดโรงเกลืออยู่ตรงสะพานเลี้ยวกลับพอดี
แต่เลยไปหน่อยก็มีทางเลี้ยวกลับซึ่งถ้าไม่ชินก็จะงงว่าจะออกทางไหน
หลังจากที่ผ่านไปทางประตูน้ำพระอินทร์แล้ว จากทางหลักจะมีทางให้ออกซ้าย มีแยกทางซ้ายให้ขึ้นสะพานไปอยุธยา  แต่ที่เลี้ยวกลับอันนี้จะไม่ขึ้นสะพานนั้น ตรงต่อไปอีกหน่อยจะเลี้ยวโค้งขวา ไปทางที่จะไปสระบุรี แต่โค้งขวาไปหน่อยเดียวก็จะต้องเลี้ยวซ้ายไปเข้าซอยซึ่งจะไปสะพานเลี้ยวกลับอีกที
รถใหญ่เขาจะให้เลี้ยวกลับทางนี้ตอนช่วงเลิกงาน แต่ถึงยังไงรถก็ยังติดตรงสะพานกลับรถแถวม.วลัยฯอยู่ดี  รอเลี้ยวกลับนี่ก็รอครึ่งชั่วโมง-ชั่วโมงนึงก็มีแล้วแต่ความแน่นของรถ
แต่ถ้ารถไม่แน่นก็สิบนาที บางที ทุ่ม สองทุ่มถ้าเป็นติดช่วงวันหยุดยาวรถก็ยังแน่นอยู่หน้านิคม
(เห็นว่าพอมีสะพานกลับรถออกจากนิคมเลยเรื่องรถติดจะเบาลงมากว่าแต่ก่อน)


ระยะเวลาเดินทางขากลับ
ช่วงปกติถ้าเลิกงานห้าโมงเย็น ออกตอนห้าโมงยี่สิบ จะไปอนุเสาวรีย์ชัย ก็จะถึงประมาณหนึ่งทุ่มกว่า
ถ้ารถติดก็สองทุ่มกว่า
ถ้าวันเสาร์ก็เร็วหน่อย ไปถึงอนุเสาวรีย์ไม่ถึงหกโมงครึ่งก็มี
ถ้าไปฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ก็จะไปถึงประมาณหกโมงเย็นถึงหกโมงครึ่ง


รถสาธารณะ

ขาไป(จากกทม.)
ขึ้นรถตู้ไปนวนคร หรือไปอยุธยาแล้วขอลงนวนคร ขึ้นจากอนุเสาวรีย์ได้  แต่ก่อนคิวจะมีอยู่ตรงร้านพงหลี  คิวอยุธยาก็อยู่แถวๆแยกนั้น (แถบแยกที่ใกล้เซ็นเตอร์วันที่เคยไฟไหม้ไป)
รถตู้ไปนวนครประมาณ 50-60 บาท รถไปนวนครโดยตรงก็หมดประมาณสองทุ่ม
ถ้าไปตอนเช้ารถที่ไปอยุธยาจะออกถี่กว่า คนเต็มเร็วกว่าเยอะ
ถ้ารถไม่ติดก็ใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

รถเมล์ขึ้นพวกสายที่ไปแถบรังสิตหรือธรรมศาสตร์รังสิต  ถ้าสาย 29จะมีเลี้ยวซ้ายไปก่อนถึงหน้าฟิวเจอร์ต้องเดินข้ามถนนไปที่ขึ้นรถ
ถ้าลงตรงหน้าฟิวเจอร์ (ฝั่งตรงข้ามฟิวเจอร์)ก็จะมีรถตู้พวกที่ไปอยุธยาซึ่งถ้าไปนวนครก็อาจจะอาศัยไปได้ ประมาณ 15 บาท
บางครั้งก็จะเจอรถตู้ไม่รับ ไม่มีรถไปบ้างเหมือนกัน
ก็จะไปขึ้นรถเมล์ 338 ที่อยู่ไม่ไกลกัน ประมาณ 11 บาท ขึ้นประตูหน้ารถ และลงตรงประตูกลางรถ มีที่กั้นสำหรับเช็คจำนวนผู้โดยสาร  รถ 338 จะตรงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้านิคมนวนครจะมีคนลงเยอะ
และรถเมล์สาย 338 ก็จะหมดประมาณสองทุ่ม ถ้ารถหมดก็อาจขึ้นรถตู้หรือขึ้นรถสองแถวที่จอดหน้ารถเมล์
แต่สองแถวจะรอจนคนยืนเต็มถึงออกแล้วมีอีกคันมาจอดรอคนต่อ ไปถึงนวนคร 20 บาท

สองแถวที่จะไปนวนครจะมีเวลาประมาณหลังรถเมล์หมด สองแถวที่มีก่อนหน้านั้นจะไม่ไปถึงหน้านวนคร และสองแถวจะช้ากว่ารถตู้

ถ้านั่งรถเมล์จากในกทม.แล้วไปต่อรถที่ฟิวเจอร์บางทีก็สองสามชั่วโมงกว่าจะไปถึงนวนคร

ขากลับ
รถตู้ออกจากนวนคร ขึ้นแถวๆหน้าเซเว่นหน้านิคม (หน้าเมือง) เซเว่นฝั่งซ้ายของรพ.นวนคร ถ้าหันหน้าเข้ารพ.
หรือฝั่งตรงข้ามนิคม เดินข้ามสะพานลอยไปแล้วเดินไปอีกหน่อยก็จะมีรถเมล์ 338 จอดรอ  ด้านหน้ารถเมล์ก็จะมีพวกรถตู้ที่นั่งไปลงฟิวเจอร์ รังสิตได้
หรือพวกรถบขส.ก็มีที่ไปถึงหมอชิต

เดินทางภายในนิคม

รถซูบารุ หรือสองแถวเล็ก สิบบาท เข้าซอยไปถึงในหมู่บ้านไทยธานีลึกๆ
มีจุดขึ้นสองจุด  ช่วงก่อนทุ่มนึงรถจะไปจอดตรงหัวมุมแถบใกล้เจเวนิว  ส่วนหลังทุ่มนึงไปก็จะไปจอดแถวหน้าเซเว่นใกล้รพ.นวนคร
เพราะก่อนทุ่มนึงตรงหน้าเซเว่นจะเป็นรถซูบารุที่เข้าไปแถวแฟลต-วิลล่า คือจะเลี้ยวขวาตรงแยกแอ๊บบลูมเข้าไม่ถึงไทยธานี ซึ่งอันนี้จะมีคนขึ้นไม่เยอะ ถ้าจะเข้าไปตรงแฟลต-วิลล่า จะต้องรอคนเต็มนาน บางทีก็ไม่มีคนรถก็จะออกตามเวลาก็เป็นชั่วโมง

(2020 อัพเดต รถซูบารุเหลือแค่คันที่เข้าไทยธานี)


วินมอเตอร์ไซค์ก็มีทั้งตรงแถวหน้าห้างเจเวนิวแถบพระพรหม และแถบใกล้โลตัสก็มี
รับคนไปทางเดียวกันสองคนไปทีเดียว ให้ซ้อนสามแต่คิดเงินแยกต่อหัวเอาเปรียบผู้บริโภค
โดยเฉพาะช่วงเข้างานจะไม่รับผู้โดยสารคนเดียว จะรอจนกว่ามีอีกคนมาถึงจะยอมไป
(วินมอเตอร์ไซค์นี่ก็เจอตั้งแต่วันไปสัมภาษณ์งาน นั่งแค่นิดเดียวคิดยี่สิบ จากนั้นก็เลยไม่ค่อยขึ้น
เคยขึ้นจากหน้าเมืองเข้าไปแถวแฟลต-วิลล่า ก็ประมาณสิบห้าบาท ก็นึกในใจว่าวันแรกนี่เจอยี่สิบเพราะเห็นเพิ่งมาใหม่รึเปล่าไม่รู้  แต่เดี๋ยวนี้น้องที่อยู่มาเป็นปีก็เจอยี่สิบเหมือนกันทั้งที่น้ำมันก็ราคาลง)

บางทีตอนช่วงเลิกงานก็จะเห็นตำรวจมายืนตรงถนนระหว่างโลตัส-บิ๊กซีจับคนไม่สวมหมวกกันน๊อคหรือรถยนต์กรณีขับออกนอกเลนทำให้รถสวนไม่ได้

เรื่องน้ำท่วมในนิคมก็พอมีตอนฝนตกหนัก ถ้าเข้าไปส่วนลึกๆ หรือที่เป็นซอยรถเล็กลำบาก
(เคยช่วงฝนตกหนักๆ รถเก๋งเข้าไปซอยแถวหลังโลตัสน้ำท่วมแบบแทบจะวิ่งไม่ได้)

ถ้าขับรถเข้านิคมลูกระนาดในนิคมอันใหญ่ต้องคอยสังเกตตลอด
และแถบไทยธานีก็หาที่จอดรถลำบาก บางหอก็มีที่จอดให้ เก็บตังค์ค่าจอด
มีที่รับฝากรถเก็บตังค์รายเดือนอยู่เหมือนกัน
ตามโรงงานบางทีก็มีที่จอดรถให้น้อยแย่งกันไม่พอจอด
จอดรถในโลตัส บิ๊กซีไม่เก็บค่าจอด

รถแท็กซี่ก็ได้ยินข่าวตั้งแต่สมัยก่อนว่ามีเรื่องกับพวกวิน ถ้าไปรับผู้โดยสารออกจากนิคมก็อาจจะโดน แต่ก็ไม่เคยนั่งแท็กซี่ออกจากนิคม นั่งแต่สองแถวหรือวิน แต่แท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารแถวหน้านิคม ถ้าจะนั่งเข้านิคม เคยเจอคิดหกสิบบาท ไม่เปิดมิเตอร์  บางทีนั่งบขส.มาถึงหน้านวนครตอนตีสามตีสี่เลยจะนั่งแท็กซี่เข้าไป เจออย่างนี้บางทีก็เซ็ง  เพื่อนบางคนก็ไปยืนรอแท็กซี่ที่วิ่งผ่านไป แบบไม่ได้มาจอดรอประจำ อันนั้นอาจจะเจอที่เปิดมิเตอร์ปกติ

ถ้าจะนั่งแท็กซี่จากฟิวเจอร์เข้านวนครก็อาจจะประมาณร้อยยี่สิบ

อัพเดต 14 พ.ย. 2557
พอดีอาทิตย์นี้ได้ไปทำงานอยุธยาเลยผ่านนวนครเห็นสะพานกลับรถที่ออกจากในนวนครกลับรถไปฝั่งเข้ากรุงเทพได้เลยมีรถวิ่งแล้ว เลยไปลองขึ้นดู  คงลดปัญหารถติดตอนจะออกไปรอเลี้ยวกลับได้  ว่าแต่เขาว่าไม่ให้มอเตอร์ไซค์วิ่ง เห็นว่าเปิดมาประมาณเดือนนึงแล้ว

และก็มีการทำทางตรงทางกั้นระหว่างทางหลักกับทางคู่ขนานแถวโตโยต้าชัวร์ ก่อนจะถึงทางเข้านวนครนิดนึง ทำให้รถไปออๆกันตรงนั้น บวกกับที่เปิดทางให้รถจากทางหลักออกมาทางคู่ขนานตรงนั้นด้วย เลยติด

มี.ค.2558
ผ่านไปแถวนวนครอีกครั้งเห็นว่าไม่มีการทำทางก่อสร้างอะไรแล้ว ทางแยกจากทางหลักไปเข้าซ้ายก่อนเข้านวนครมีทำเพิ่มขึ้นมา แต่ยังไม่ได้มีโอกาสผ่านไปดูสภาพรถช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน
มิ.ย.2558
ไปทำงานในนวนคร เลยได้ลองสะพานกลับรถ ทำให้เวลารอกลับรถลดลงไปเยอะมาก
วันนึงออกจากนวนครตอนหกโมงเย็น (แวะโลตัสก่อนเลยออกจากหลังโลตัสหกโมง) ไม่ถึงห้านาทีก็ขึ้นสะพานกลับรถได้เลย  และพอดีเผลอขึ้นโทลเวย์แล้วเลยด่านดอนเมือง (ขึ้นก่อนฟิวลงดอนเมืองมันไม่เก็บค่าผ่านทาง) โดนค่าทางด่วนไปร้อยนึงแต่ลงทางด่วนมาถึงแถวอนุเสาวรีย์ได้ตอนหกโมงครึ่ง


เคยลองๆไปเดินๆดูแถวอนุสาวรีย์ ก็เห็นรถตู้ไปนวนครยังจอดอยู่แถวๆเดิม  ใกล้ๆกับรถตู้ที่ไปธรรมศาสตร์รังสิตด้วย
เห็นเดี๋ยวนี้มีชื่อเรียกแต่ละฝั่งเป็นชื่อเกาะ  จะอยู่ตรงที่ชื่อเกาะพญาไท

แผนที่รถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยมีคนลงไว้ใน pantip

https://m.pantip.com/topic/34841775?


อัพเดต ปี 2018
ได้ผ่านไปอีกครั้งตอนช่วงเลิกงาน
เจอรถติดรอกลับรถก่อนถึงสะพานกลับรถตรงระหว่างบิ๊กซีกับโลตัส

เจอว่ามีรถตู้ที่เขียนเบอร์338ด้วย

2020
รถตู้หน้านิคมเข้ากทม.ยังมีเหมือนเดิม จอดหน้านิคม ใกล้ๆสะพานลอย

 ออกประมาณทุกหนึ่งชั่วโมง ไปกลับรถตรงสะพานกลับรถตรงระหว่าบิ๊กซีกับโลตัส
รถซูบารุเข้าแฟลตไม่มีแล้ว เหลือแต่ที่เข้าไทยธานี และรอนาน


มิ.ย. 2023
มีการทำทางตรงถนนใหญ่ตั้งแต่แถวหน้าบิ๊กซีไปหน่อยมีการกั้นเลนถนนเส้นหลักไปหนึ่งเลน(ซ้าย)

หลังจากช่วงที่น้ำท่วมใหม่ๆคนยังน้อยแต่ 2022 มีช่วงที่ออกจากอยุธยาผ่านหน้านิคมบ่อยทั้งเช้าเย็นอยู่หลายเดือน ช่วงเช้าต้องรีบออกประมาณผ่านหน้านิคมไม่เกินหกโมงครึ่ง ผ่านถนนเส้นหลักจะยังไม่ติด  หลังหกโมงสี่สิบแถวทางเข้านิคมก็จะติด

ช่วงหน้าฝนที่คนเอารถออกมาเยอะจะติดช่วงเย็นหนักมากยาวไปถึงแถวธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ 

2024
เข้าไปนวนครบ้างแต่เข้าไปหลังเวลาช่วงพีคเลยไม่เจอสภาพรถติดช่วงเช้า แต่ออกมาก่อนห้าโมงก็มีรถติดช่วงเย็น เพราะมีบริษัทที่เลิกก่อนห้าโมงเหมือนกันเลยจะมีคิวรอขึ้นสะพานกลับรถ  

จองหุ้นเพิ่มทุน twz กันยายน 2557

จากที่ได้ warrant ของ twz มาจำนวนไม่มากเพราะไปใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนมาครั้งก่อนหลายเดือนมาแล้ว
คราวนี้ที่ได้มาก็เป็น warrant twz -w2 เลยไปใช้สิทธิ์ซะหน่อย
ไปที่ตึกที่ตั้งบริษัท เป็นตึกที่มี Tops  เลี้ยวขวามาจากแยกตลาดบองมาเช่แถววัดเสมียนนารี (เข้าจากทางถ.วิภาวดี)
วันนี้ไปใช้สิทธิ์ก็พบว่าไม่ค่อยมีคน พื้นที่รับติดต่อก็เป็นห้องเล็กๆชั้นสองของตึก ซึ่งบันไดเลื่อนขึ้นชั้นสองไม่สามารถใช้ได้
ที่จอดรถไม่สามารถปั๊มบัตรได้เพราะเห็นว่าทางตึกไม่ให้แล้ว แต่ก็ชั่วโมงละ 10 บาท (คราวก่อนมายังปั๊มได้)
แต่ถ้าซื้อของที่ top ก็ปั๊มได้ ในป้ายเขียนว่าต้องซื้อ 300 บาท

คราวนี้ไม่สามารถใช้สิทธิ์เกินจำนวนที่ได้ก็เลยใช้สิทธิ์ได้น้อยไปหน่อย จ่ายเป็นเงินสดไม่กี่บาทตรงเค้าน์เตอร์ที่รับเรื่อง

แต่ก็รู้สึกว่าเอกสารที่ให้กรอกก็ออกงง เพราะในใบรับรองสิทธิ์เรา ว่าเราได้จำนวนหุ้นเท่าไหร่ก็มีช่องให้เขียนกรณีใช้สิทธิ์เกินจำนวน
แต่ในใบที่กรอกขอใช้สิทธิ์ก็ให้เขียนเฉพาะสิทธิ์ที่เราได้
ช่องที่ให้เขียนหมายเลขใบสำคัญแสดงสิทธิ์ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าต้องเขียนหมายเลขไหนเลยเว้นไว้
ถามเขาก็บอกว่าเป็นหมายเลขที่บาร์โค้ด

ตอนแรกคิดว่าจะใช้สิทธิ์เกินจำนวนได้ ไม่ได้ศึกษาก่อนเลยนึกว่าจะใช้เกินจำนวนให้ตัวเลขจำนวนเงินลงตัวจะได้ไม่ต้องจ่ายเศษสตางค์
แต่พอใช้เกินจำนวนไม่ได้ก็ทำให้จำนวนเงินที่ต้องจ่ายมันน้อยติดเศษสตางค์
เงินไม่กี่บาทก็ไม่อยากไปโอนเงินให้เสียเวลา เลยจ่ายเงินสดไป แต่ก็ทำให้จ่ายเศษสตางค์เกินไป 0.02 สตางค์

หุ้นที่มีเพิ่มทุนนี่ เวลาได้จำนวนสิทธิ์มาน้อยก็ไม่ค่อยกล้าไปติดต่อเขาเหมือนกัน
อาจมีคนคิดว่าได้หุ้นแค่นี้ ไม่กี่บาทจะถ่อไปทำไม